คาร์ออลสไตล์ ครบเครื่อง เรื่องรถ

TESTDRIVE

ทดลองขับ ISUZU MU-X RS 2.2 Ddi MAXFORCE… The Sport Luxury PPV

เดือนพฤษภาคม 2568 ผมมีโอกาสทดลองขับเพื่อสัมผัสสมรรถนะของ ISUZU MU-X ตัวท๊อปเกรด RS 4 x 2 ขับเคลื่อน 2 ล้อหลังซึ่งมีการอัพเกรดล่าสุดที่หัวใจนั้นคือเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 Ddi MAXFORCE  ด้วยนิยาม The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก โดย อีซูซุนำเครื่องยนต์บล็อกล่าสุดมาติตตั้งอยู่ในมิว-เอ็กซ์ ใหม่! และ ดีแมคซ์ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา Carallstyle On Tour ครั้งนี้เราเลือกใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ มุ่งหน้าทางตะวันตก และลัดเลาะไปยังอ่างเก็บน้ำน้อยใหญ่ใกล้กับรอยต่อจังหวัดสุพรรณบุรีกับกาญจนบุรี ซึ่งมีสภาพเส้นทางที่หลากหลาย ทั้งพื้นผิวทางวิ่งที่เป็นแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ลาดยางแอสฟัลท์ ทางกรวด และบางช่วงก็มีถนนซ่อมสร้างรวมถึงทางลูกรังบ้างเล็กน้อย ช่วงก่อนบ่ายเราย้อนชมความรุ่งเรืองในอดีตของอาณาจักรทวารวดี ( ช่วงพุทธศตวรรษที่ 14 ) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง และนมัสกาลพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผา วัดเข้าทำเทียม จังหวัดสุพรรณบุรี

กลุ่มตรีเพชร เปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ISUZU 2.2 Ddi MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก ซึ่งเป็นขุมพลังที่แรงขึ้น นั้นหมายถึงอัตราเร่งที่ดีขึ้น ให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น รวมถึงประหยัดน้ำมันกว่าเดิม และมีค่า CO2 ต่ำมากเมื่อเทียบกับในรถประเภทเดียวกัน สามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือทำงานควบคู่กับพลังงานทางเลือกอื่นๆ ในอนาคต เราจึงนำมาพิสูจน์สมรรถนะบนถนนเมืองไทยในบอดี้รถอเนกประสงค์ตัวท๊อปของค่าย ISUZU MU-X RS เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE โดยการปรับปรุงใหม่ล่าสุดมาพร้อมๆ กับเครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE ที่มีการอัพเกรด ECM แบบ MULTI-CORE โดยมีให้เลือกทั้งในอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ และดีแมคซ์ ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2567 ย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลของโลก และตอบโจทย์ความอเนกประสงค์ที่ครบครันรอบด้านทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย   

เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ได้รับการพัฒนาใหม่ให้ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น ด้วยพละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที  ให้การออกตัวที่ฉับไว รวมถึงสามารถเร่งแซงได้เร็วขึ้น ด้วยแรงบิดช่วงออกตัวสูงขึ้น 56% แต่ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิมสูงสุด 10% และมีค่า CO2  ต่ำที่สุด  ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานอีซูซุเป็นระยะทางเทียบเท่า 2.2 ล้านกิโลเมตร จนมั่นใจว่าเครื่องยนต์ใหม่มีความแรง ทนทาน และประหยัดน้ำมันเหมาะสมกับตลาดรถยนต์เมืองไทยถือเป็นเทคโนโลยีดีเซลที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนความเปลี่ยนแปลงใหม่มีเพิ่มเติมมีมากมายหลายรายการตั้งแต่ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง 250 MPa. และกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ประสิทธิภาพสูง ECM แบบ MULTI-CORE และ E-VGS เทอร์โบแปรผันที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึงห้องเผาไหม้แบบ HIGH SWIRL เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น มาพร้อมกับลูกสูบใหม่ ULTRA-LOW FRICTION ที่ให้แรงเสียดทานต่ำพิเศษ และเสื้อสูบแบบขึ้นรูปแกร่งพิเศษ แบบ EXTREME STRENGTH พร้อมระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่แบบ HI-FLOW

 

อีซูซุ ที่เราขับครั้งนี้เป็นเกรดเพิ่มเติมไลน์อัพใหม่ของ มิว-เอ็กซ์ “เดอะ เน็คซ์พีค” นั้นคือ RS  2.2 Ddi MAXFORCE ทั้งยังได้สัมผัสกับสีใหม่ “เทาเอลบรุส โอเพค” (Elbrus Grey Opaque) ที่กำลังอินเทรนด์ ขับไปที่ไหนก็ดึงดูดใจสายตาสร้างความสนใจให้กับผู้พบเห็น รวมถึงชุดกันชนหน้าใหม่ แบบ Fighter Jet พร้อม Air Curtain ที่เพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ มาพร้อมกล้องรอบคัน 360 องศา (360° Surround View Camera) ให้ภาพคมชัดรอบด้าน เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยมุมมองใต้ท้องรถ และอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและส่งผลโดยตรงกับการขับนั้นคือขับพวงมาลัยไฟฟ้า(Electric Power Steering) ที่ให้ความคล่องตัวทั้งในเมืองและนอกเมืองด้วยน้ำหนักแปรผันตามความเร็วเบาสบายในความเร็วต่ำและมั่นคงยามอยู่ในย่านความเร็วเดินทาง ทั้งยังเสริมความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS Generation ล่าสุด

คงความนุ่มนวลนั่งสบาย ด้วยช่วงล่างหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone พร้อมคอยสปริงและช่วงล่างหลังแบบแขนยึด 5 จุด 5-Link Suspension เอกสิทธิ์เฉพาะ MU-X ประกอบกับตำแหน่งเครื่องยนต์เยื้องหลังเพลาหน้าแบบ Semi-Midship ช่วยในเรื่องการกระจายน้ำหนัก การเกาะถนน ส่งผลให้ทรงตัวดีขึ้น

ISUZU MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS จุดสูงสุดใหม่…ของดีไซน์สปอร์ตที่ชัดเจนที่สุดของมิว-เอ็กซ์ สร้างความแตกต่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยมีเป้าหมายให้ MU-X “THE NEXT PEAK” เป็นรถอเนกประสงค์ที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าใครในคลาส จากการออกแบบใหม่ของ THE PEAK OF RS DESIGN ที่พลิกโฉม MU-X ให้โดดเด่น สปอร์ต ผ่านเส้นสายที่มีความ Dynamic รอบคันมาพร้อมสีสันอันเป็นเอกลักษณ์

ดีไซน์ภายนอก (Exterior) ทรงพลังด้วยกระจังหน้าใหม่ Black Diamond Grille พร้อมด้วยสัญลักษณ์ RS ด้วยวัสดุ Black Chrome โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าและไฟท้ายใหม่ Dynamic Blade พร้อมผสานดีไซน์สปอร์ตของชุดไฟท้ายด้วยเส้นคาด Embrace Line สปอร์ตเข้มด้วยล้ออัลลอย RS Design ขนาด 20 นิ้ว เพิ่มความสปอร์ตด้วย Fender Garnish สีดำ และ Side Garnish สัญลักษณ์ RS เร้าอารมณ์สปอร์ต ด้วยหลังคาดำ Black Roof พร้อมสัญลักษณ์ RS โดดเด่นเท่สะดุดตาด้วยสี Lime Green

ดีไซน์ภายใน (Interior) การออกแบบตกแต่งใหม่ช่วยยกระดับบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้เข้มกว่าเดิมด้วยโทนสีดำพร้อมตกแต่งด้วย Matte Silver Garnish เบาะนั่งคู่หน้าดีไซน์สปอร์ต นั่งสบายโอบรับสรีระ พร้อมด้วยการเดินด้ายสี Lime Green และสัญลักษณ์ RS บนพนักพิงศีรษะ เร้าใจด้วยไฟสร้างบรรยากาศ Red Ambient Light แผงแดชบอร์ดและคอนโซลกลางสีดำตกแต่งด้วย Matte Silver เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง และเบาะนั่งตอน 2 และตอน 3 ปรับเอนได้พร้อมพับได้ราบสนิท เพิ่มพื้นที่เก็บของ เข้าออกที่นั่งตอน 3 แบบ One Touch ที่นั่งโดยสาร 7 ที่นั่งใช้งานได้อย่างจริงจัง

อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ในรุ่น RS และรองท๊อป Ultimate ใช้หน้าจอกลาง Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Wireless Android Auto & Wireless Apple CarPlay พร้อม Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอสำหรับผู้ขับขี่แบบ Integrated MID แสดงผลอย่างชัดเจนได้หลากหลายฟังก์ชัน รวมทั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ ในรุ่น RS และ Ultimate สะดวกสบายด้วย Smart Tailgate with Step Sensor ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าและหยุดเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้วยระบบ Jam Protection

The PEAK of CONFIDENCE จุดสูงสุดใหม่ของระบบความปลอดภัย

ระบบความปลอดภัยที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS Generation ล่าสุด ทำงานผ่านกล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และ เซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคันแบ่งเป็นด้านหน้า 2 จุด ด้านหลังอีก 6 จุด มั่นใจด้วยเทคโนโลยีเพื่อระบบความปลอดภัย Active & Passive Safety ทำความมั่นใจทุกจังหวะการขับขี่ ในรุ่น RS และ Ultimate

ADAS Generation ล่าสุด! เพิ่มเติมใหม่ 5 ระบบ กล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และ เซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน

  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System)
  • ระบบช่วยควบคุมทิศทางของรถตามรถคันหน้า TJA (Traffic Jam Assist)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ELK (Emergency Lane Keeping)
  • ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) พร้อม ระแบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ใหม่! ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake) พร้อม ระบบช่วยเตือนขณะถอย RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and GO ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control)
  • ระบบช่วยแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning) พร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
  • ระบบช่วยแจ้งเตือนจุดอับสายตา BSM (Blind Spot Monitoring)
  • ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ Parking Aid System
  • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา TA-AEB (Turn Assist with Autonomous Emergency Braking)
  • ระบบช่วยควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam)
  • ระบบช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation)
  • ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ MCB (Multi-Collision Brake)
  • ระบบช่วยตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter)

เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย Active & Passive Safety

  • ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ABS (Anti-Lock Brake System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) และระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS (Brake Override System)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว TCS (Traction Control System)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic Stability Control)
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist)
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control)
  • ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control)
  • โครงสร้างห้องโดยสาร Ultra-High Tensile แกร่ง และทนทาน

 

MU-X “THE NEXT PEAK” มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายถึง 4 รุ่น ได้แก่ RS, Ultimate, Elegant และ Active มีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีเทา ไอเกอร์ โอเพค (Eiger Gray Opaque), ขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl), แดง เอทนา ไมก้า (Etna Mica), ดำ บาวาเรียน ไมก้า (Bavarian Black Mica), เงินไอซ์เบิร์ก ไมก้า (Iceberg Silver Mica) และ เงินโบฮีเมียน เมทัลลิก (Bohemian Silver Metallic) แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น

สรุปการขับ ISUZU MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS 4×2 ไลน์อัพใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE  เมื่อจับคู่กับระบบส่งกำลังใหม่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่แป้นหลังพวงมาลัย Paddie Shift ให้อัตราทดต่อเนื่องทุกช่วงความเร็ว ตอบสนองไว แม่นยำ นุ่มนวล ขับขี่สนุกเร้าใจ มีการปรับเปลี่ยนอัตราทดให้เหมาะสมลงตัวกับการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมการออกแบบที่โดดเด่น ทรงสปอร์ต มีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยชุดแต่ง RS Design ครั้งแรกใน MU-X กับพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) เหมือนมนต์วิเศษที่ช่วยยกระดับให้มิว-เอ็กซ์ RS คล่องแคล่วขึ้นอย่างชัดเจน การอัพเกรดระบบความปลอดภัยให้ก้าวล้ำไปอีกขั้นทำให้สะดวกสบายและเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางได้ดียิ่งขึ้น ล้ออัลลอยสีดำเงา RS Design ขอบ 20 นิ้ว พร้อมยาง BRIDGESTONE DUELER H/T 684II ขนาด 265/50R20 ซึ่งเป็นหนึ่งในยางมาตรฐานสำหรับอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ เหมาะสำหรับรถกระบะอเนกประสงค์และรถเอสยูวีโดยเฉพาะ เป็นยางสำหรับใช้งานบนถนนเรียบที่ให้สมรรถนะการขับขี่บนถนนแห้งและถนนเปียกที่ดีโดยยังคงความนุ่มสบายในการขับขี่ หน้ายางกว้างยึดเกาะถนนได้ดี ดอกยางละเอียดให้การขับขี่ที่เงียบและนุ่มนวล โครงสร้างยางแบบพิเศษ ได้รับการพัฒนาเพื่อการทรงตัวที่ดี ช่วยตอบโจทย์และเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างลงตัวกับรถอีซูซุ มิว-เอ็กซ์

ทั้งนี้ อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ และดีแมคซ์ ยังสามารถใช้พลังงานทางเลือกจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผสม HVO น้ำมันไบโอดีเซลเจเนอเรชันใหม่สังเคราะห์จากน้ำมันพืชใช้แล้ว ตามแนวคิด “โซลูชั่นส์อันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Multi-pathways to Carbon Neutrality) ของอีซูซุได้อีกด้วย ถ้าคุณมองหารถอเนกประสงค์ที่มีคุณสมบัติครบครันรอบด้าน โดยมีบริการหลังการขาย การบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งานที่แข็งแกร่งทั่วถึงในงบประมาณที่เหมาะสม ISUZU MU-X 4×2 เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 Ddi MAXFORCE นี้แหล่ะหนึ่งดวงใจ

รวมข่าวในหมวดเดียวกัน

ทดสอบสมรรถนะ “ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่” พิสูจน์ความคุ้มค่าน่าใช้ของซิตี้คาร์ 5 ประตูสุดฮอต! แรงเกินคลาส ประหยัดน้ำมันเกินคุ้ม มั่นใจด้วย Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ตลอดเส้นทางกรุงเทพฯ – พัทยา

Read More »

ฮอนด้า ตอกย้ำความแข็งแกร่งไลน์อัปเอสยูวี ชวนพิสูจน์สมรรถนะการขับขี่ของขุมพลังการขับเคลื่อนที่แตกต่างลงตัวกับการใช้งานจริงทุกไลฟ์สไตล์ บนเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์

Read More »