คาร์ออลสไตล์ ครบเครื่อง เรื่องรถ

TESTDRIVE

ทดสอบสมรรถนะ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ บนเส้นทางที่แตกต่างอย่างท้าทายในจังหวัดเชียงใหม่ กับ 2 ขุมพลังขับเคลื่อน ฟูลไฮบริด e:HEV และ VTEC TURBO

สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ชวนสื่อมวลชนรวมถึง Carallstyle ร่วมทดสอบสมรรถนะ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ บนเส้นทางที่สะท้อนคาแรกเตอร์ที่แตกต่างในจังหวัดเชียงใหม่ รวมระยะทางกว่า 220 กิโลเมตร เรามีโอกาสได้ขับ CR-V ใหม่ทะยานสู่ทุกจุดหมายอย่างมั่นใจกับ 2 ขุมพลังที่แตกต่างพร้อมตอบรับทุกสไตล์การขับชี่ทั้งระบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์เบนซิน VTEC TURBO ขนาด 1.5 ลิตร มีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (Real Time(TM) AWD with E-DPS) มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราประหยัดน้ำมันที่ดี กับเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีล้ำสมัย ในราคา 1,419,000 – 1,729,000 บาท มาพร้อมฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นในรุ่น e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปีและรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง รวมทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เปิดตัวในช่วงเริ่มงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 (Motor Show 2023)  โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย แบบเป็น e:HEV 2 รุ่นย่อย ได้แก่ e:HEV RS 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,729,000 บาท และ e:HEV ES     5 ที่นั่ง ราคา 1,589,000 บาท ตามด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ อีก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ EL 4WD  แบบ 7 ที่นั่ง ราคา 1,649,000 บาท รุ่น ES 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,599,000 บาท และรุ่นเริ่มต้นเกรด E แบบ 5 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท

ผมและคุณโก้ Drivingplace เพื่อนสื่อมวลชนที่ร่วมทดสอบใน Honda CR-V คันเดียวกันเริ่มต้นด้วยการขับรุ่น EL 4WD แบบ 7 ที่นั่ง ตัวท๊อปของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection VTEC TURBO กำลัง 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน – เมตร ตั้งแต่ 1,700 – 5,000 รอบต่อนาที  ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) บอกตรงๆ ว่าด้านอัตราเร่งนั้นแรงเกินคาด แม้จะไม่ได้มาแบบหนักๆ ตูมตาม แต่ก็มีออกกำลังมาให้ใช้ต่อเนื่องตลอดและพอเพียง ท่ามกลางการขับที่เกินกว่าสถาวะการเดินทางปกติทั่วไปในชีวิตประจำวันอยู่พอสมควรเพื่อค้นหาสมรรถนะให้ครบถ้วนรอบด้าน (โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ)

จากบริเวณไนท์บราซ่าร์ ลัดเลาะผ่านข่วงเมือง เข้าสู่ถนนซูเปอร์ไฮเวย์ ต่อเนื่องทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่ – สันป่าสัก ก่อนที่จะไต่ระดับขึ้นดอย เส้นทางเป็นโค้งกว้างต่อเนื่องทำให้เราต้องโยกซ้าย ย้ายขวา กันอีกกว่า 50 กม. กดคันเร่งตามจังหวะสภาพการจราจรที่จะไปได้ Honda CR-V เทอร์โบ แสดงให้เรารับรู้ถึงพัฒนาการในทุกมิติ ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเฉียบคม เร้าใจ และที่สำคัญคือมั่นใจ ไม่มีอาการย่อหย่อนให้รู้สึกแต่ประการใด ทุกระบบไม่ว่าจะเป็นการควบคุมทิศทาง ระบบช่วงล่างที่คอยซับแรงสะเทือน ระบบเบรกรวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ได้รับการปรับปรุงให้ทำงานได้อย่างหนักแน่น รวมกันทำให้การขับเคลื่อนพลิ้วไหวได้ดั่งใจ ทั้งยังมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่น่าประทับใจระดับ 14 – 15 กม./ลิตร และรองรับน้ำมัน E85 อีกด้วย

พักทานมื้อกลางวัน ตบท้ายด้วยข้าวฟางน้ำกะทิ ก่อนจะออกเดินทางไปค้นคว้าหาดาวต่อในช่วงบ่ายวันพระกลางสัปดาห์กับ ครั้งแรกของระบบฟูลไฮบริด e:HEV ใน ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ที่ผสานการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ(Motor Drive) กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ16 วาล์ว พร้อมเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 335 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที มอบอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 20.8 กม./ลิตร* (รุ่น e:HEV ES) และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 113 กรัม/กิโลเมตร

โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานได้อย่างเหมาะสมสำหรับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ทั้ง 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) ซึ่งจะทำงานสลับสับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมโดยเราไม่ต้องกังวลใจปล่อยให้ระบบทำงานโดยอัตโนมัติ และยังมาพร้อมสวิตซ์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) ที่เราสามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode) เราได้ลองใช้ทั้ง 3 โหมด ซึ่งให้ความกระชับกระเชงต่างกันไปในแต่ละโหมด ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ในสภาวะอารมณ์และสภานการณ์ที่แตกต่างกันไป

สำหรับ Honda CR-V e:HEV ที่เราได้ลองขับยังคงเป็นตัวท๊อป RS 4WD 5 ที่นั่ง คราวนี้เราใช้เส้นทางวงแหวนรอบนอกของเชียงใหม่ เลี้ยวขวาไปยังอำเภอแม่ริม ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบทหมายเลข 1096 แม่ริม – ปางดะ ไต่ระดับขึ้นสู่อำเภอสะเมิง องศาความสูงชันค้อนข้างมากและคดเคี้ยวกว่าเส้นทางขึ้น ขุนแจ – ขุนลาว ในช่วงก่อนเที่ยงกับรุ่นเทอร์โบ แล้ว CR-V e:HEV RS 4WD ก็สำแดงประสิทธิภาพและพลังเหลือล้นให้เราได้ประจักษ์ กดปุ๊บมาปั๊บ เรียกกำลังบิดจากมอเตอร์ 335 นิวตัน-เมตร มาเร่งแซงได้อย่างทันใจ ทุกการขับเคลื่อนเป็นไปอย่างหนักแน่น แต่ก็สิ้นเปลืองพลังงานไปพอสมควรในช่วงขาขึ้น และมาตีคืนในช่วงขาลงเขา และกลับมามีอัตราสิ้นเปลืองระดับใกล้เคียงกับ 20 กม./ ลิตร ช่วงเข้าเมืองตอนเย็นที่การจราจรหนาแน่นพอสมควร

สรุปว่า  ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เปิดตัวมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม คู่ปรับในคลาสเดียวกันต่างค่ายต่างสัญชาติกำลังอ่อนล้า และ CR-V ก็ยังมีทางเลือกที่ครบครับ ทั้งชุดขับเคลื่อนที่มีทั้งแบบกึ่งไฟฟ้าอย่าง e:HEV และ พลัง TURBO ที่ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงล้วนๆ มีทั้งห้องโดยสารแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วครับว่าจะเหลือใช้แบบไหนให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานและวิถีชีวิตตามแบบฉบับของคุณเอง เพราะครั้งนี้ผมของให้คำจำกัดความของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ว่า Perfect SUV

มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ครบครัน

ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ผสานการทำงานของกล้องด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) หรือ ครั้งแรกกับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD) ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

 

พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่น ๆ* อาทิ

  • ใหม่ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) (ยกเว้นรุ่น E)
  • ใหม่ เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด
  • ใหม่ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC)
  • ใหม่ ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL)
  • ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
  • ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)
  • ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) (รุ่น e:HEV ES และ
    e:HEV RS 4WD)
  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)

 

 

ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียม แข็งแกร่งในทุกมิติ ผสานฟังก์ชันการใช้งานไว้อย่างลงตัว

  • กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำ Piano Black และกระจังหน้าสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม (เฉพาะรุ่น E)
  • กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ
  • ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
  • ไฟท้ายแบบ LED
  • เปิดมุมมองใหม่ที่พรีเมียมยิ่งขึ้นกับหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
  • สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบ
    ปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ
    (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close)
  • เสาอากาศครีบฉลาม
  • ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่
  • ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว

 

 

ครั้งแรกกับรุ่น RS ที่ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมอีกขั้นด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน

(รุ่น e:HEV RS 4WD)

  • เสริมเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น ด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า
  • กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ Piano Black
  • กันชนหน้าและหลังสีเดียวกับตัวรถ
  • ชายกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ
  • คิ้วตกแต่งประตูข้างสีดำ Gloss Black
  • ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED
  • สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถและสีดำ Piano Black
  • เสาอากาศครีบฉลามสีดำ Piano Black
  • ล้ออัลลอย 19 นิ้ว แบบสปอร์ต

 

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ที่ดีตลอดเส้นทาง

ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โปร่งโล่ง ผสานแนวคิดระหว่างการใช้วัสดุคุณภาพสูงและความอเนกประสงค์
ในการใช้งาน โดดเด่นด้วยชุดตกแต่งภายในที่พรีเมียม แตกต่างกันในแต่ละรุ่น

เสริมลุคสปอร์ตพรีเมียมเต็มขั้นกับรุ่น RS (รุ่น e:HEV RS 4WD)

  • ชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black
  • เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
  • พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
  • แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต

 

 

ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม* อาทิ

  • ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ พร้อม Honda Smart Key Card (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD)
  • ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat)
  • ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) ที่ได้รับการติดตั้งในหลายตำแหน่งเป็นครั้งแรกใน ซีอาร์-วี อาทิ ถาดคอนโซลกลาง แผงประตูหน้าและหลัง และที่วางแก้ว
  • ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster (รุ่น e:HEV ES และ e:HEV RS 4WD)
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา แบบ i-Dual Zone (เฉพาะรุ่น
    e:HEV RS 4WD)
  • ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3 (เฉพาะรุ่น EL 4WD)
  • ไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED แบบสัมผัส

 

พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายพร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายที่กว้างขวาง

  • เบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Sliding) เลื่อนและแยกพับแบบ 60:40
  • รุ่นเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้าน สามารถปรับพับลงแนวราบได้เรียบ (Utility Mode) ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะด้านหน้าและด้านหลัง (Long Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
  • รุ่นเบาะโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง (เฉพาะรุ่น EL 4WD) สามารถปรับพับเบาะด้านหลังแถวที่ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้ายในขณะที่ผู้โดยสารแถว 2 สามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบาย หรือปรับพับเบาะทั้งแถวที่ 2 และ 3 ลงแนวราบ (Utility Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะด้านหน้าและด้านหลังทั้งแถวที่ 2 และ 3 (Long Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว

 

เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์แบบสมาร์ต กับหลากหลายเทคโนโลยีอันล้ำสมัย*

  • ใหม่ ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD)
  • ใหม่ ระบบเครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD)
  • ใหม่ ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD)
  • ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
  • มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 2 นิ้ว (ยกเว้นรุ่น E ขนาด 7 นิ้ว)
  • อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง (USB Type-C 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 1 และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง)

ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ดังนี้

ระบบฟูลไฮบริด e:HEV มาพร้อม 2 รุ่นย่อย ได้แก่

  • รุ่น e:HEV RS 4WD 5 ที่นั่ง                           ราคา 1,729,000 บาท
  • รุ่น e:HEV ES 5 ที่นั่ง                                    ราคา 1,589,000 บาท

เครื่องยนต์เทอร์โบ มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่

  • รุ่น EL 4WD               7 ที่นั่ง                         ราคา 1,649,000 บาท
  • รุ่น ES 4WD               5 ที่นั่ง                         ราคา 1,599,000 บาท
  • รุ่น E                          5 ที่นั่ง                         ราคา 1,419,000 บาท

โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)

ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ยังมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ เมื่อจองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 –31 พฤษภาคม 2566 ฟรีประกันภัย 1 ปี รับดอกเบี้ย 2.29%** พร้อมฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรแรกสิ้นสุดลง รวมสูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง (Honda 24hr Roadside Assistance)

เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นสำหรับรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV ด้วยการมอบแคมเปญพิเศษด้านการบริการหลังการขาย** ได้แก่

  • ฟรีค่าแรงในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษาเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
    (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
  • รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี
    ไม่จำกัดระยะทาง

ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง

เสริมความสปอร์ตพรีเมียมในสไตล์ SUV อีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) ที่มาพร้อมแนวคิด Vibrant SUV” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก อาทิ สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต ราคา 12,000 บาท
คิ้วตกแต่งกระจังหน้า ราคา 3,900 บาท บันไดข้าง ราคา 16,500 บาท ไฟส่องสว่างประตูคู่หน้าแบบ LED (1 ชุด
มี 2 ชิ้น) ราคา 4,350 บาท คิ้วขอบห้องสัมภาระ LED ราคา 8,000 บาท และชุดเสริมหลังคาคู่พร้อมชุดบรรทุกสัมภาระหลังคา ราคา 27,500 บาท หรือเลือกตกแต่งในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ได้แก่

  • Elegant Package ราคา 31,000 บาท และ 32,500 บาท (สำหรับรุ่น e:HEV RS 4WD) ประกอบด้วย กันชนหน้าแบบสปอร์ต ชุดตกแต่งกันชนด้านหลัง คิ้วตกแต่งกระจังหน้า และชุดตกแต่งประตูข้าง
  • Premium Sport Package ราคา 43,500 บาท และ 45,000 บาท (สำหรับรุ่น e:HEV RS 4WD) ประกอบด้วยกันชนหน้าแบบสปอร์ต ชุดตกแต่งกันชนด้านหลัง คิ้วตกแต่งกระจังหน้า บันไดข้าง
    และชุดตกแต่งฝาท้ายคิ้วโครเมียม
  • Exhaust Pipe Finisher Package ราคา 2,500 บาท ประกอบด้วยปลอกท่อไอเสียสเตนเลส 2 ชิ้น

หรือดูรายละเอียดชุดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้ที่ www.hondaaccess.co.th/products/crv

พบกับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 (Motor Show 2023) ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2566 – 2 เมษายน 2566 และที่โชว์รูมฮอนด้าตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566** (รุ่นเทอร์โบ ตั้งแต่ 20 มีนาคม 2566 และ รุ่น e:HEV ในเดือนเมษายน 2566**) หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th

หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th/crv ลูกค้าสามารถทดลองขับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้า โดยลูกค้าที่ลงทะเบียนและร่วมกิจกรรมทดลองขับทาง www.honda.co.th/testdrive จะได้รับของที่ระลึกจากฮอนด้า**

 

หมายเหตุ:

*อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

– สีน้ำเงินแคนยอน ริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES

– สำหรับสีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 12,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 8,000 บาท

– ราคาแพ็กเกจชุดแต่งโมดูโล ไม่รวม VAT 7%

 

#AllNewHondaCRV

#HondaThailand

#HondaSENSING

#WhatLifeTrulyMeans

 

รวมข่าวในหมวดเดียวกัน

ฮอนด้า ตอกย้ำความแข็งแกร่งไลน์อัปเอสยูวี ชวนพิสูจน์สมรรถนะการขับขี่ของขุมพลังการขับเคลื่อนที่แตกต่างลงตัวกับการใช้งานจริงทุกไลฟ์สไตล์ บนเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์

Read More »