คาร์ออลสไตล์ ครบเครื่อง เรื่องรถ

TESTDRIVE

ทดสอบสมรรถนะ “Honda e:N1” รถอเนกประสงค์ไฟฟ้า 100% พร้อมชวนสัมผัสประสบการณ์ด้วยการเช่าใช้ผ่านบริษัทรถเช่าชั้นนำ อุ่นใจด้วยการดูแลและบริการครอบคลุมตลอดการใช้งาน

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ชวนสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้า “ฮอนด้า อี:เอ็น1” Honda e:N1 รถยนต์ไฟฟ้า100% รุ่นแรกในไลน์อัปของฮอนด้าที่ผลิตในประเทศไทย บนเส้นทาง กรุงเทพฯ สู่เขื่อนขุนด่านปราการชน จังหวัดนครนายก รวมระยะทางไป-กลับ กว่า 250 กิโลเมตร ในวันที่สภาพอากาศร้อนจัด ท่ามกลางสภาพการจราจรติดขัดเป็นบ้างเวลาเสมือนการใช้งานในชีวิตจริงที่หลักเลี่ยงไม่ได้  

ฮอนด้า อีเอ็น:1 มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% ที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ จากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 310 นิวตัน-เมตร โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ สไตล์พรีเมียม มินิมอล บ่งบอกความเป็นเอสยูวีที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่เรียบหรูที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าพร้อมจุดชาร์จแบตเตอรี่ และเส้นสาย LED แสดงสถานะขณะกำลังชาร์จไฟในรูปแบบเฉพาะตัว ตอบรับกับการใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่องจากไฟหน้าจรดถึงไฟท้าย มอบความรู้สึกสปอร์ตโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย โลโก้ H Mark ใหม่ ที่มาพร้อมกับคำว่า Honda ภายใต้ฟอนต์ใหม่ที่ด้านหลังของตัวรถ พร้อมไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential  ไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke แบบเต็มความยาวที่เชื่อมต่อกับไฟท้ายทั้งสองข้าง สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต เสาอากาศครีบฉลาม ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว กับยาง 225/50 R18

ผสมผสานกับการตกแต่งภายในด้วยความประณีตล้ำสมัย ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกันผ่านฟังก์ชันและเทคโนโลยีครบครัน เช่น ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้วแบบ Advanced Touch ที่รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) อีกทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information – BSI) ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (8-position Parking Sensors) โดย ฮอนด้า อี:เอ็น1 พร้อมเปิดให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การขับเคลื่อนขุมพลังไฟฟ้า 100% ด้วยการเช่าใช้ ผ่านบริษัทรถเช่าชั้นนำ

ตลอดเส้นทางการทดสอบสมรรถนะ ผมและเพื่อนๆ สื่อมวลชนได้สัมผัสกับพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าของ Honda e:N1 ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์มขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า e:N Architecture F ของฮอนด้าที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานและมั่นใจ ด้วยการผสมผสานจิตวิญญาณด้านสมรรถนะการขับขี่ของฮอนด้า กับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกันผ่านการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) ซึ่งทำงานโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นระบบขับเคลื่อนหลัก ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์หรือ 204 แรงม้า (PS) มอบสมรรถนะที่แรงเร้าใจให้แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร  จากสเปคเคลมไว้ว่าวิ่งได้ไกลสูงสุด 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำงานกับระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์ที่ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เพียงการกดปุ่มที่แผงเกียร์ที่บริเวณคอนโซลกลาง พร้อมการปรับจูนอัตราเร่งให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่ทำให้เกิดอาการวิงเวียนระหว่างการขับขี่อีกทั้งยังมอบสุนทรียภาพ และความสะดวกสบายในการเดินทางแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

ฮอนด้า อีเอ็น:1 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) แม้สเปคระบุว่าสามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง  ทว่าในสภาพการใช้งานจริงทำกลางปัจจัยที่หลากหลายของการเดินทางบนถนนในเมืองไทยที่ไว้ใจไม่ได้ ระยะทางที่เราสามารถใช้งานได้สูงในระดับเฉียด 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง โดยจุดชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าอยู่บริเวณกระจังหน้าของตัวรถภายใต้โลโก้ H Mark จะมีปุ่มสีดำด้านหน้าเพื่อกดเปิดจุดชาร์จ ซึ่งรองรับหัวชาร์จ แบบ DC CCS 2 และแบบ AC Type 2 ที่เป็นมาตรฐานการใช้งานหลักในบ้านเรา มาพร้อมแถบไฟสีแสดงสถานะการชาร์จที่ง่ายต่อการใช้งาน โดยขณะกำลังชาร์จไฟ แถบไฟแนวนอนสีฟ้าจะกะพริบเบาๆ จากซ้ายไปขวาอย่างมีชีวิตชีวา และเมื่อชาร์จเสร็จ แถบชาร์จจะสว่างอยู่ตลอดเพื่อให้รู้ว่า แบตเตอรี่ชาร์จเต็มแล้ว นอกจากนี้ หากเกิดข้อผิดพลาดในการชาร์จ จะมีไฟสีเหลืองกะพริบ เมื่อชาร์จเสร็จและถอดสายไฟออก รถจะส่งสัญญาณไฟกะพริบเพื่อแสดงสถานะว่าได้ถอดสายชาร์จออกแล้ว

Honda e:N1 ยังมาพร้อมกับสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดาย ตามความต้องการ ซึ่งมีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่

  • โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) ที่ช่วยปรับการทำงานของมอเตอร์ให้พร้อมตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้น มอบประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้น
  • โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) โดยระบบจะขับเคลื่อนโดยมอบอัตราเร่งที่นุ่มนวลให้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหมาะสมและมอบความสะดวกสบายในห้องโดยสาร
  • โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode) พร้อมปรับการทำงานของมอเตอร์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดพลังงานมากขึ้น ตามรูปแบบการขับขี่

ดีไซน์ภายนอกมาพร้อมการออกแบบที่พรีเมียม ล้ำสมัย มีเอกลักษณ์เฉพาะที่สะท้อนความเป็นยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่เรียบหรูที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า พร้อมจุดชาร์จแบตเตอรี่ที่สามารถรองรับหัวชาร์จ แบบ DC CCS 2 และแบบ AC Type 2 และเส้นสาย LED ที่มาพร้อมไฟสีต่าง ๆ แสดงสถานะขณะกำลังชาร์จไฟในรูปแบบเฉพาะตัว ตอบรับกับการใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่องจากไฟหน้าไปจนถึงไฟท้าย มอบความรู้สึกสปอร์ตโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย

ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบเพื่อเน้นความสะดวกสบายเหนือระดับด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมยกระดับประสบการณ์ภายในห้องโดยสารด้วยไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารสีฟ้า เบาะหนังดีไซน์สปอร์ตสีดำตกแต่งด้วยขอบสีขาวและด้ายสีฟ้า และเบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถแยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสูงสุด โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ 2 รูปแบบ พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ได้แก่ Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว

อีกทั้งยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและฟังก์ชันหลากหลาย ที่ถึงแม้ผู้ขับขี่จะมาใช้รถอีวีครั้งแรก ก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ช่องเชื่อมต่อ USB จานวน 4 ช่อง ด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง (USB-A 1 ช่อง ในช่องหน้า และUSB-C ในช่องหน้า 1 ช่อง และช่องหลัง 2 ช่อง) อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบสตาร์ทรถยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Climate Pre-conditioning) พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และปุ่มควบคุมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ ลำโพง 6 ตำแหน่ง ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารสีฟ้า เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง และแผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย

บอกตรงๆ ภายในห้องโดยสารโดดเด่นสุดๆ ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว แบบ Advanced Touch แนวตั้ง รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ใช้งานได้ง่ายด้วยการจัดวางเมนูแบ่งเป็นสัดส่วน 3 โซนบนหน้าจอ ทำให้สามารถเลือกใช้ได้สะดวก รวดเร็ว ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า  ประกอบไปด้วย ส่วนบนสุดเป็นโซน ‘Connect’ ที่รวม ระบบการนำทาง นาฬิกา และจอแสดงผลของกล้องมองหลัง

โซนกลางเป็นโซน ‘Driver Assist’ หรือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ที่จะแสดงสถานะการทำงานของรถยนต์ การตั้งค่าระบบเสียงและการสื่อสาร พร้อมด้วยเมนูการแสดงการใช้พลังงานของระบบ EV

ส่วนโซนล่างจะเป็นโซนควบคุมระบบปรับอากาศ ที่แสดงข้อมูลระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมแผ่นกรองอากาศกรองฝุ่น PM 2.5

มั่นใจในทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ช่วยตรวจจับรถยนต์ รวมถึงรถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ ด้วยฟังก์ชันการทำงานหลักๆดังนี้

ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (8-position Parking Sensors) ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold

พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่นๆ อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้วที่แสดงข้อมูลต่างได้อย่างครบถ้วนชัดเจน และอีกหนึ่งในระบบความปลอดภัยที่รอคอยกันมานานคือ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information – BSI)

สรุปว่า Honda e:N1 ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้าในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นแบรนด์หลักที่ผลิตในประเทศไทยเป็นแบรนด์แรก ภายใต้มาตรฐานการผลิตและเทคโนโลยีล้ำสมัยของฮอนด้า มีความเพียบพร้อมสไตล์ญี่ปุ่น เรียบง่ายแต่ชัดเจน อุปกรณ์ต่างๆ ใช้งานง่าย รวมถึงการขับขี่ที่แทบไม่ต้องปรับตัวจากการใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในปกติแบบดั่งเดิม หรือแม้แต่รถยนต์ไฮบริด Honda e:N1 พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ของขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่เหมาะเจาะลงตัวกับการใช้งานในยุคปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่นานนี้…

 

ฮอนด้า อีเอ็น:วัน (Honda e:N1) มาพร้อม สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) พร้อมเปิดให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยการเช่าใช้ ผ่านบริษัทรถเช่าชั้นนำ ค่าเช่าเริ่มต้นที่ 29,000 บาท/ต่อเดือน* พร้อมบริการที่ครอบคลุมเพื่อความอุ่นใจตลอดการเช่าใช้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้แก่

  • ฟรีประกันภัยตลอดการใช้งาน
  • นำรถเข้าตรวจเช็กระยะและบำรุงรักษา ทุก ๆ 10,000 กม. หรือ 6 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน ณ ศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลาสัญญาเช่า
  • เปลี่ยนยางรถยนต์ ทุก 50,000 กม. หรือ 30 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน เปลี่ยนแบตเตอรี่ 12V ทุก 12 เดือน ณ ศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศเท่านั้น

ทั้งนี้ รายละเอียดและเงื่อนไขการเช่าเป็นไปตามที่บริษัทรถเช่ากำหนด


รายชื่อบริษัทรถเช่าที่ร่วมรายการ

  • บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท ซูมิโตโม มิตซุย ออโต้ ลิสซิ่ง แอนด์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด
  • บริษัท ไทย วี.พี.คอร์ปอเรชั่น จำกัด
  • บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด
  • บริษัท พารากอน คาร์ เรนทัล จำกัด
  • บริษัท ไพร์ม คาร์เร้นท์ จำกัด
  • บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล จำกัด
  • บริษัท เวิลด์คลาส เรนท์ อะ คาร์ จำกัด
  • บริษัท เวิลด์เบสท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
  • บริษัท เอแอลดี เอ็มเอชซี โมบิลิตี้ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
  • บริษัท ช.พัฒนาคาร์เรนท์ จำกัด

สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/en1

 

หมายเหตุ

*ค่าเช่าเริ่มต้นสำหรับการเช่า 48 เดือนหรือมากกว่า

*ราคาเช่าไม่รวม VAT 7%

*ราคาเช่าอาจแตกต่างกันในแต่ละบริษัทรถเช่า

Honda e:N1, a premium 100% electric SUV

The Perfect Power of the Future for every modern lifestyle

The Honda e:N1, Honda’s first 100% electric vehicle in Thailand, is making history as Honda becomes the first major Japanese car brand to build an EV car in the country. Manufactured to Honda’s high production standards, the Honda e:N1 incorporates the latest cutting-edge technology, offering a new and innovative experience in fully electric driving power, perfectly suited for today’s era. 

The Honda e:N1 was developed under a Human-centered Development concept with a focus on providing a fun and unique driving experience characteristic of Honda vehicles. To ensure a smooth journey, it features a newly developed e:N Architecture F high-performance front-motor-driven platform used for Honda’s electric cars. The electric power is delivered efficiently through a 3-in-1 electric motor (Motor, Power Drive Unit, and Gearbox) that produces 150 kilowatts, or 204 horsepower (PS). It offers instant response and thrilling acceleration thanks to its 310 Nm of torque that integrates with a 68.8 kWh lithium-ion battery, giving it the ability to cruise confidently with a maximum range of 500 kilometers (NEDC standard) on a single charge.

The Honda e:N1 stands out with a beautiful yet unique design, expressing its electric car identity with a new H Mark logo in a premium minimalist style. The logo is complemented by the word “Honda” in a new font on the rear of the car. Combined with a premium interior design, the spacious and comfortable cabin features blue ambient lighting. To support the diverse needs of an SUV, it is able to increase rear cargo space with the 60:40 Multi-utility Rear Seat. The Honda e:N1 is ready to seamlessly integrate into diverse lifestyles with advanced yet user-friendly features and technologies such as 15.1-inch Advanced Touch Display Audio with Wireless Apple CarPlay and Android Auto, 4 USB Ports, 10.25-inch TFT Multi-Information Display, and Honda SENSING Safety Technology. It’s fully equipped with additional cutting-edge safety technologies such as Blind Spot Information (BSI), Cross Traffic Monitor (CTM), Multi-angle Rearview Camera, 8-position Parking Sensors, Deceleration Paddle Selectors, Electric Parking Brake, and Auto Brake Hold, and comes in a Premium Sunlight White Pearl exterior color.

Distinctive design that embodies premium minimalism 

Exterior Design

Designed with a premium, modern aesthetic, the Honda e:N1 embodies a unique identity that aligns with the SUV concept. It features full electric power and distinguishes itself with an elegant front grille that seamlessly connects to the headlights and houses a battery charging point. A long line of LEDs displays the charging status in a unique manner. The use of horizontal lines extending from the headlights to the taillights adds to its sporty, sleek, and modern feel.

The design includes:

  • A newly designed front grille reflecting the EV’s modern aesthetic.
  • The charging port is located at the front with the charging status indicator above the front grille, enabling quick and easy monitoring of the charging status.
  • The newly designed premium minimalist H Mark logo serves as a symbol of Honda’s electric vehicles, accompanied by the “Honda” brand name in a new font on the rear of the car.
  • Auto ON/OFF Headlights
  • LED Headlights and LED Daytime Running Lights
  • Front LED Sequential Turn Signals
  • Smoke LED Taillight Strip
  • Rain Sensor
  • Sporty Rear Spoiler
  • Shark fin antenna
  • LED Front Fog Lights
  • Auto-foldable side door mirrors
  • Auto tilt-down door mirror when reversing
  • 18-inch sporty alloy wheels.

 

Interior design

The cabin is crafted to prioritize superior comfort and convenience, employing high-quality materials. Drawing inspiration from nature, the design aims to create a relaxed atmosphere with soft lighting and spacious, comfortable seating. Adding to the ambiance, Blue Ambient Light enhances the interior experience. The center console has been redesigned to feature a large 15.1inch Touchscreen and a 10.25-inch TFT Multi-Information Display, along with a simple shift knob arrangement and an electric parking brake switch. Various driving functions are intuitively located for easy access, allowing drivers to stay focused on the road. Every seat ensures comfort on every journey, thanks to the Dual Zone automatic air conditioning system, which offers independent Left/Right Dual Zone Climate Controls, along with an Air Diffusion System that efficiently directs air flow to ensure proper distribution throughout the entire cabin, complemented by rear ventilation.

The interior of the cabin boasts black sports-design leather seats adorned with white trim and blue stitching, enhancing the interior’s sporty appeal. The new seating arrangement offers increased body support, while soft padding in the areas most frequently touched ensures comfort during extended use. The 60:40 Multi-utility Rear Seat can be adjusted to maximize usable space. To accommodate a large rear cargo space, the rear seats can be adjusted in two ways:

  • Utility Mode: The two rear seats can be folded to increase cargo space.
  • Long Mode: Folding front and rear seats for a lengthy space.

Connect every lifestyle with advanced technology and comprehensive functions

 

  • 1-inch Advanced Touch Display Audio with Wireless Apple CarPlay and Android Auto that supports Siri and Android Auto voice control and is easy to use. It has a menu organized into three zones on the screen to make it convenient and quick to use without being distracted while driving. The display consists of:
  • The upper “Connect” zone is home to the navigation, clock, and rear-camera displays.
  • The middle “Driver Assist” zone presents the vehicle’s status and settings for audio and communications, as well as the EV-focused menu.
  • The lower zone with “A/C control” that displays all air conditioning inside the cabin.
  • 4 USB ports, with 2 in the front and 2 in the rear (1 USB-A port in the front, 1 USB-C port in the front, and 2 USB-C ports in the rear)
  • Dual Zone Air Conditioning
  • PM 2.5 Filter
  • Remote Climate Pre-Conditioning
  • Multi-function Steering Wheel with audio system controls, hands-free telephone switch, and Honda SENSING control button.
  • Automatic Dimming Rearview Mirror
  • Wireless Charger
  • 6 speakers
  • Blue Color Ambient Light
  • 8-way Driver Power Seat
  • Rear Ventilation
  • Tonneau Cover

 

Experience 100% electric driving power with rapid response and Honda’s signature smooth driving style  

The Honda e:N1 is based on Honda’s newly developed e:N Architecture F high-performance front-motor-driven platform to deliver a fun and confident driving experience that reflects Honda’s driving performance ethos. The unrivaled performance of the electric drive system is delivered efficiently through a 3-in-1 electric motor (Motor, Power Drive Unit, and Gearbox) that produces 150 kilowatts or 204 horsepower (PS). Delivering up to 310 N.m of torque and integrated with a 68.8 kWh lithium-ion battery, it cruises confidently with a maximum range of 500 kilometers (NEDC standard) on a single charge. The electric switch transmission system enables the driver to change gears by simply pressing a button on the gear panel in the center console area.

The charging port is located behind a panel in the front grille, beneath the H Mark logo. To activate the charging port, simply press the black button on the front. It supports DC CCS 2 and AC Type 2 chargers, providing flexibility for charging needs. The charging port features various colored lights that indicate the charging status, enhancing the user experience. While charging, a horizontal light bar softly blinks from left to right, adding a lively touch. Once charging is complete, the light bar remains lit to indicate the battery is fully charged. In case of a charging error, a blinking red light provides an alert. After charging is complete and the power cord is unplugged, the car emits a flashing light signal to indicate the charging cable has been safely disconnected.

The Honda e:N1 is equipped with a Drive Mode Switch that the driver can use to select a preferred driving style. The three driving modes are:

  • Sport Mode – The car accelerates more quickly for more fun and enjoyment when driving.
  • Normal Mode – Provides the optimal balance of performance and full passenger comfort.
  • Econ Mode – Optimizes the operation of the motor to align with driving style to maximize energy efficiency.

 

Additionally, the Honda e:N1 features premium driving technology designed to enhance the driver’s experience and ensure smooth driving on every journey. This technology includes:

  • 25-inch TFT Multi-Information Display
  • Electronic Gear Selector
  • Electric Parking Brake (EPB) and Auto Brake Hold
  • Deceleration Paddle Selectors
  • Hill Start Assist (HSA)

 

Boost confidence on every journey with a comprehensive set of technology for safety 

The Honda e:N1 comes with Honda SENSING safety technology, which uses a front wide-view camera to help detect cars and pedestrians effectively. Its main functions are:

  • Collision Mitigation Braking System (CMBS) designed to alert the driver when the potential for a collision is determined such as a vehicle, motorcycle, bicycle, or pedestrian in front. Notifications are displayed on the information display screen along with a sound. Additionally, there is a steering wheel vibration warning for vehicles approaching from the opposite direction. If the driver does not respond or a collision risk is detected, the system will automatically increase braking to reduce speed, avoid collisions, and decrease collision severity.
  • Lane Keeping Assist System (LKAS) works by the front camera reading lane markings. It adjusts the steering torque to assist the driver in maintaining proper lane position as well as reducing driver fatigue.
  • Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning (RDM with LDW) uses the front camera to detect painted lane lines. If the car begins to move out of the detected lane unintentionally, LDW will show an alert on the display with a vibration alert in the steering wheel. If the car begins to leave the lane further, the system will activate steering torque to assist the driver in maintaining lane position to reduce the risk of moving out of the lane.
  • Auto High-Beam (AHB) automatically adjusts high or low beam through camera detection. The system will switch to high beam when driving in the dark and will adjust to low beam when detecting a vehicle approaching.
  • Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow (ACC with LSF) maintains the cruise control at the driver’s desired speed. With the front camera detection, the system will automatically adjust the speed to keep a proper distance from the vehicle in front. When driving at a low speed, the system will adjust the speed according to the vehicle ahead, including automatic braking and stopping. The system will re-activate once the driver presses the button on the steering wheel or presses the accelerator pedal.
  • Lead Car Departure Notification System (LCDN) detects the departure of the car in front by alerting the driver on the multi-information display along with making a sound.

It’s also fully equipped with advanced technology for safety including:

  • Blind Spot Information (BSI)
  • Cross Traffic Monitor (CTM)
  • 8-position parking sensors (4 in the front and 4 in the rear)
  • Walk Away Auto Lock that will automatically lock the doors after walking at least 1.5 meters away from the vehicle while carrying a Honda Smart Key.
  • Front and Rear Passenger Seat Belt Reminder
  • Rear Seat Reminder
  • Agile Handling Assist (AHA)
  • Multi-angle Rearview Camera
  • ISOFIX & Child Anchor
  • 6 Airbags comprised of dual SRS, side airbags, and side curtain airbags.
  • Anti-lock Braking System (ABS) that helps to prevent the wheels from locking up during abrupt braking and Electronic Brake Distribution (EBD) system that helps to prevent the wheels from slipping when driving on a wet or slick road.
  • Vehicle Stability Assist (VSA)
  • Acoustic Vehicle Alerting System (AVAS)
  • Tire Pressure Monitoring System (TPMS)
  • Temporary Puncture Repair Kit (TPRK).

Elevate your lifestyle with Honda CONNECT, a connected car technology that enables communication between the driver and the vehicle through a smartphone application. It comes with nine key features that enable comfort and safety throughout every journey, including:

  1. My Service monitors the car history for checkup service which includes estimating a list of replacement parts and initial expenses and calculating when the next service operation is due.
  2. Car Log provides data covering driving information and driving behavior that can be displayed daily, monthly, or yearly. There are also travel logs that can be saved as favorite trips and shared on social media such as LINE, Instagram, Facebook, and Twitter.
  3. Wi-Fi supports wireless connections from the vehicle with a maximum of five different devices connected to Wi-Fi with coverage up to 40 meters from the vehicle without any barriers.
    *Customer can register online for AIS Wi-Fi package and all costs will be borne by customer.
  4. Airbag Deployment when an airbag deploys due to an accident. The Telematics Control Unit (TCU) installed in a Honda vehicle sends a signal to the Honda Call Center, which will call the registered phone number, or a number reserved for emergency use, to contact the driver and offer assistance.
  5. Car Status provides details when an abnormality in the vehicle’s systems is detected. It also sends a theft alarm notification when an abnormality from the exterior of the vehicle is detected, such as unusual opening of the doors and trunk.
  6. Remote Vehicle Control enables locking, unlocking, and starting the car as well as setting the temperature for the air-conditioning system and turning off the car. It also enables turning on both the headlights and taillights. The user log-in for the system requires a personal 4-digit PIN before use.
  7. Geo Fence & Speed Alert sets a boundary for your car with a geo-fencing feature. It sends an instant alert to you when the vehicle breaches or enters the user-defined geo-fence marked area, along with a Speed Alert feature that sends an alert to you in case the vehicle exceeds the user-defined speed.
  8. Find My Car enables you to locate your car using vehicle tracking on a current map application. The result will be displayed on a smartphone application with a user log-in for the system that requires a personal 4-digit PIN before use.
  9. Charging Status can track or adjust the Honda e:N1’s battery charging settings. You can adjust the settings to suit different charging conditions, whether charging at home or away from the car. There are three selectable levels ranging from “LOW,” which limits power to six amps, to “HIGH,” which supports the maximum current from the charger equal to the maximum power the battery can handle.

 

Variant and Color  

The Honda e:N1 is available in one variant and comes with one exterior color: Premium Sunlight White Pearl. 

Customers can experience 100% electric driving power of Honda e:N1 through rental program* from leading car rental companies including:

  • Krungthai Car Rent and Lease Public Co., Ltd.,
  • Sumitomo Mitsui Auto Leasing & Service (Thailand) Co., Ltd.,
  • Thai V.P.Corporation Co., Ltd.,
  • Thai ORIX Leasing Co., Ltd.,
  • Paragon Car Rental Co., Ltd.,
  • Prime Car Rent Co., Ltd.,
  • Phatra Leasing Public Co., Ltd.,
  • Master Car Rental Co., Ltd.,
  • Worldclass Rent A Car Co.,Ltd.,
  • Worldbest Corporation Co., Ltd.,
  • ALD MHC Mobility Services (Thailand) Co., Ltd.,
  • Pattana Carrent Co., Ltd.

 

* The details and conditions of the rental are as specified by the car rental company.

รวมข่าวในหมวดเดียวกัน

ทดสอบสมรรถนะ “ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่” พิสูจน์ความคุ้มค่าน่าใช้ของซิตี้คาร์ 5 ประตูสุดฮอต! แรงเกินคลาส ประหยัดน้ำมันเกินคุ้ม มั่นใจด้วย Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ตลอดเส้นทางกรุงเทพฯ – พัทยา

Read More »