คาร์ออลสไตล์ ครบเครื่อง เรื่องรถ

TESTDRIVE

ลองขับ รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง TOYOTA INNOVA ZENIX The Amazing Memories ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายและประหยัด

หลังการเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง รุ่นใหม่ล่าสุดช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2566 โดย โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เพียงสัปดาห์เดียว คาร์ออลสไตล์และเพื่อนๆ สื่อมวลชนมีโอกาสได้ทดลองขับ โตโยต้า อินโนวา ซีนิกซ์ ALL-NEW INNOVA ZENIX  เราได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของ MPV : Multi-Purpose Vehicle แบบ 7 ที่นั่ง (2+2+3) รูปทรงทันสมัย มีคุณสมบัติที่พร้อมพาทุกคนในครอบครัวร่วมเดินทางค้นหาและเติมเต็มความประทับใจในสไตล์ผสมผสานรถ SUV ด้วยโครงสร้างสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA : Toyota New Global Architecture พร้อมช่วงล่างใหม่ และพวงมาลัยไฟฟ้า EPS ให้การควบคุมรถที่แม่นยำ พร้อมทัศนวิสัยโปรงสบายรอบคัน ขับเคลื่อนด้วยพลังเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร ตอบสนองการขับขี่อย่างนุ่มนวล มอบพลังสูงสุด 186 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า ประหยัดน้ำมันถึง 21.3 กม./ลิตร* (*อ้างอิงจาก ECO Sticker) ผมและเพื่อนๆ ขับจริงระหว่างการทำสอบก็ทำได้ในระดับที่น่าพอใจ ใกล้เคียงกับที่มีการเคลมไว้ ทั้งยังมั่นใจกับระบบความปลอดภัย Toyota  Safety Sense เจเนอเรชันที่ 3

รถอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดที่นำเข้ามาทั้งคัน CBU จากประเทศอินโดนิเซีย นับเป็นโมเดลใหม่ของอินโนวาที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากหัวจรดท้าย ไม่ใช่เฉพาะภาพที่เห็นได้จากภายนอก ครั้งนี้ถือเป็นการปรับเปลี่ยนใหญ่แบบพลิกขั้วจากรถที่ใช้โครงสร้างที่วางอยู่บนแชสชีเช่นเดียวกับรถปิคอัพ มาเป็นโครงสร้างแบบโมโนคอกเช่นเดียวกับรถเก๋งหรือรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท SUV  

เมื่อภายนอกได้รับการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระดับโครงสร้าง ความแตกต่างจึงสะท้อนสู่ภายในห้องโดยสารที่มีความทันสมัย กว้างขวาง เต็มเติมสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมฟังก์ชันที่น่าสนใจ เช่น เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารแถวสองปรับไฟฟ้าแบบ Captain Seat พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ในเกรด พรีเมียม  รวมถึงถาดส่วนตัวแบบพับได้ ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งแถว 3 พับเรียบเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ และสีพิเศษ Dark Steel Mica พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการขับขี่และโดยสาร สามารถตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายไลฟ์สไตล์ของครอบครัว

TOYOTA INNOVA ZENIX แบบการทำตลาด 2 เกรด เริ่มต้นด้วยรุ่น 2.0 HEV Smart และมีรูปลักษณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกรอบคันแทบไม่แตกต่างจากรุ่นท๊อป  ทั้งเบาะนั่งแถว 2 แบบแยก Captain Seat และโต๊ะส่วนตัวพับได้ทว่าไม่มีระบบเลื่อนและปรับองศารองน่องด้วยไฟฟ้า หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ไร้สาย และ Android Auto ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลายและสีเดียวกับตัวท๊อปเป๊ะๆ ไฟหน้า และไฟท้าย LED ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์แบบ Kick Activated จอหน้าปัดแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่แบบจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งด้านเฉพาะฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางเช่นเดียวกับตัวท๊อป เบาะนั่งแถว 3 แบบพับเรียบ (50:50) ระบบเบรกมือไฟฟ้า และหน่วงเบรกอัตโนมัติ รวมถึงระบบเชื่อมต่อ T-Connect

ถือว่าเป็นอีกครั้งที่ผมและเพื่อนๆ ได้มีโอกาสเปิดประสบการณ์ใหม่กับสมรรถนะในการขับขี่ และความปลอดภัย หลังจากได้ลองกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร รหัส M20A-FXS Dual VVT-i ทำงานรวมกับระบบโตโยต้าไฮบริดเจนใหม่ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ E-CVT แม้คันเกียร์จะดูเรโทรนิดๆ แต่สามารถถ่ายทอดกำลังได้ราบเรียบต่อเนื่องตามน้ำหนักเท้าที่ส่งผ่านแป้นคันเร่งไฟฟ้าไปยังล้อคู่หน้าเหมือนรถยนต์นั่งส่วนใหญ่ ผสานกับระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้า EPS ให้น้ำหน้ำพอเหมาะพอควรและมีอัตราทดที่ช่วยให้การควบคุมทิศทางทำได้อย่างคล้องแคล้วเสมือนรถยนต์นั่งขนาดกลาง ส่วนสำคัญหลักแน่นนอนว่ามาจากด้วยระบบซับแรงสะเทือนทางด้านหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง พร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบ Torsion Beam พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เป็นแบบอิสระแต่ก็สามารถตอบสนองได้อย่างนุ่มนวลและหนึบหนับเหมาะเจาะกับการเป็นรถอเนกประสงค์ MPV ผสมผสานความคมเข้มสไตล์ SUV

ขณะที่ทุกระบบความปลอดภัยพื้นฐานมีติดตัวเพียบพร้อมและสามารถทำงานได้อย่างดี รวมถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ TOYOTA SAFETY SENSE เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่มีองค์ประกอบรอบด้าน เช่น กล้องมองภาพขณะถอยหลัง ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM และระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA ระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS สัญญาณเตือนกะระยะ 8 ตําแหน่ง และถุงลมนิรภัย 6 ตําแหน่ง ด้วยสนนราคา 1,379,000 บาท เป็นรุ่นที่เราขับและโดยสารจากกรุงเทพฯ ถึงระยอง สำหรับผมเกือบทั้งหมดดูดีและเหมาะสมกับราคา เสียดายแต่เบาะนั่งแถวที่สอง ที่เป็นแบบแยก ไม่มีแผนรองน่องมาให้ด้วย ไม่ต้องปรับไฟฟ้าได้น่าจะทำรู้สึกผ่อนคล้ายยิ่งขึ้นได้

เช้าวันเดินทางกลับสู่เมืองหลวงแดนศิวิไลซ์ คณะเราได้อัพเกรดเปลี่ยนเป็นตัวท๊อปเกรด 2.0 HEV Premium ซึ่งโดยโครงสร้างทางกายภาพแล้วไม่แตกต่างจากรุ่นรองท๊อปตัว Smart ทว่าความแตกต่างจะเน้นไปที่สิ่งอำนวยความสะดวกรอบคันที่จะมีความพรีเมียมมากกว่า สรุปส่วนต่างจากเกรดรองที่เห็นได้จะๆ ก็คือ หลังคามูนรูฟแบบ Panoramic Roof บานใหญ่ เปิดปิดด้วยไฟฟ้าแบบวันทัส พร้อมม่านกันแสง และมีการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบทูโทน สีน้ำตาล Dark Chestnut ตัดกับสีดำ (ขณะที่เกรด Smart ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำล้วน ) ไฮไลท์ ! ของตัวท๊อปอยู่ที่เบาะนั่งแถว 2 ปรับไฟฟ้าแบบ Captain Seat พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า และถาดส่วนตัวพับได้

เพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่ด้วยระบบเปลี่ยนเกียร์ที่หลังพวงมาลัย Paddle Shift ที่สำหรับผมมีก็ดีไม่มีก็ได้เพราะเอาเข้าจริงๆ ก็แทบไม่ได้ใช้เหมือนกัน ( ถ้ารถรุ่นไหนที่มี Paddle Shift อยู่ใช้บ้างก็ดีนะครับ ) อีกจุดหนึ่งที่ถ้าไม่สังเกตก็แทบไม่รู้นั้นคือกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ อีกอย่างที่มีประโยชน์แบบเห็นๆ ได้เลยคือกล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor ที่เหมาะสำหรับขนาดตัวระดับกลางๆ ของ TOYOTA INNOVA ZENIX กับราคาของตัวท๊อปที่ 1,479,000 บาท

สำหรับผมรถอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดของโตโยต้ารุ่น INNOVA ZENIX ที่เป็นความเปลี่ยนแปลงแบบใหม่หมด จะไม่ขอเปรียบเทียบกับ INNOVA โมเดลเดิม บอกตรงๆ เพราะมันเทียบกันไม่ได้ มันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เอาเป็นว่า INNOVA โมเดลล่าสุด กำเนิดขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งานของครอบครัวในยุคสมัยปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความก้าวล้ำ สำหรับการเดินทางอย่างสะดวกสบายคุ้มค่ากับการลงทุน !!

โตโยต้า อินโนวา ซีนิกซ์ ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น 4 สี คือสีดำ Dark Steel Mica สีขาว Platinum White Pearl ( เพิ่ม 10,000 บาท ) สีดำ Attitude Black Mica  สีเงิน Silver Metallic พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ** แพ็กเกจขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี (ช่วงปีที่ 6-10 ปี) พร้อมรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด พร้อมฟรีค่าแรงจนถึง 100,000 กม.**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

รวมข่าวในหมวดเดียวกัน

ทดสอบสมรรถนะ “ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่” พิสูจน์ความคุ้มค่าน่าใช้ของซิตี้คาร์ 5 ประตูสุดฮอต! แรงเกินคลาส ประหยัดน้ำมันเกินคุ้ม มั่นใจด้วย Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ตลอดเส้นทางกรุงเทพฯ – พัทยา

Read More »