ภาพข่าว: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดตัวรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ครั้งแรกของโลก! ในประเทศไทย
(จากขวาไปซ้าย) มร. มาซาฮิโระ อิโตะ หัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น มร. โคอิจิ นามิกิ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วย มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และนายสาโรจน์ มะอาจเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมพิธีเปิดตัวรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ใหม่! เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี รอบเวิลด์พรีเมียร์ในไทย
กรุงเทพฯ 1 กุมภาพันธ์ 2567: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) เปิดตัวรถยนต์ระบบขับเคลื่อน ฟูลไฮบริด ใหม่! เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ครั้งแรกของโลก โดยเป็นครั้งแรกของรถยนต์ครอบครัว 7 ที่นั่งขนาดเล็กในประเทศไทยที่มาพร้อมกับระบบฟูลไฮบริด ซึ่งผสานการทำงานอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ไว้อย่างลงตัวที่สุด ชูจุดเด่น 3 สุดยอดเทคโนโลยีจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ใหม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และมั่นใจในทุกเส้นทาง แบบ Mitsubishi e:MOTION พร้อมเดินหน้ารุกตลาดและเริ่มจำหน่ายในไทยทันที โดยรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดทั้งสองรุ่นนี้ จะผลิตขึ้นในไทย โดยบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ณ โรงงานผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง
รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่!
รถยนต์เอ็กซ์แพนเดอร์ ผสานความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ในการใช้งานแบบรถครอบครัวเอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง เข้ากับรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตา พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่แบบรถเอสยูวี ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งยนตรกรรมรุ่นนี้เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศอินโดนีเซียเมื่อปี 2560 ก่อนที่จะขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ขณะที่ รถยนต์เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ได้รับการเปิดตัวตามมาในปี 2562 ทั้งนี้ ยานยนต์ตระกูลเอ็กซ์แพนเดอร์ นับเป็นยนตรกรรมรุ่นสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ขับเคลื่อนการเติบโตให้กับบริษัทฯ ด้วยยอดขายรวมกว่า 130,000 คัน1 ทั่วโลก ในปีงบประมาณ 2565 ถือเป็นรุ่นที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 3 ต่อจากมิตซูบิชิ ไทรทัน2 และมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ โดยมียอดขายสะสมรวมสูงกว่า 650,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรก และเฉพาะในประเทศไทย ยานยนต์ตระกูลเอ็กซ์แพนเดอร์ มียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้นสูงกว่า 64,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2561
รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดรุ่นใหม่ทั้งสองรุ่นนี้ ได้ผสานระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและเทคโนโลยีระบบควบคุมการขับเคลื่อน อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างมิติใหม่แห่งประสบการณ์การขับขี่ที่เปี่ยมพลัง โดดเด่นเหนือระดับ โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดใน เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ด้วยการต่อยอดจากระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs) เพื่อมอบสุนทรียภาพแห่งการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งอัดแน่นด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ที่ทำงานสอดผสานอย่างลงตัวกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เพื่อมอบความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่ ด้วยสมรรถนะการควบคุมรถที่เหนือชั้น พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ซึ่งช่วยเสริมสมรรถนะการเกาะถนน และช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างง่ายดายและคล่องตัวบนทุกสภาพถนนและทุกสภาพอากาศ ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่เป็น EV Priority ได้ตามต้องการ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ อาทิ ต้องการเดินทางอย่างเงียบสงบ หรือเคลื่อนตัวได้โดยไม่สร้างเสียงรบกวนในหมู่บ้านยามเช้าตรู่
ไฮไลท์สำคัญ: Mitsubishi e:MOTION
Mitsubishi e:MOTION ประสบการณ์ขับขี่ใหม่เหนือระดับ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และมั่นใจในทุกเส้นทาง โดยผสานการทำงานอย่างสมบูรณ์ของ 3 สุดยอดเทคโนโลยีจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้แก่
- ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด (HEV System) มอบการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และน่าตื่นเต้นเร้าใจ ให้ความคล่องตัว ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs)
- โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ ได้ตามต้องการ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ปลอดภัย มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง ลุยได้ในทุกสภาพถนน
- ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มอบการขับขี่ที่ปลอดภัยและมั่นใจ ควบคุมรถได้อย่างคล่องตัวโดยเฉพาะขณะเข้าโค้ง
รถยนต์เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่! ยังโดดเด่นเหนือระดับยิ่งกว่าเดิม ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ตอบโจทย์การเดินทางกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน พร้อมดีไซน์ภายนอกสุดเท่ อันเป็นเอกลักษณ์
ภาพรวมผลิตภัณฑ์ (สเปกรถยนต์ที่จำหน่ายในประเทศไทย)3
ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด (HEV System) มอบการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และน่าตื่นเต้นเร้าใจ ให้ความคล่องตัว ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs)
ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เอชอีวี ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ประกอบด้วยรูปแบบการขับขี่แบบ EV (พลังงานไฟฟ้า 100%) รูปแบบการขับขี่แบบไฮบริด และระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรกหรือ Regenerative Braking จึงโดดเด่นในด้านอัตราประหยัดน้ำมัน พร้อมมอบความสนุกแห่งการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถปรับเข้าสู่รูปแบบการขับขี่ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดได้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่ และพลังงานคงเหลือในแบตเตอรี่ ณ ขณะนั้น
เมื่อเริ่มออกตัว และขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว เป็นรูปแบบการขับขี่แบบ EV (พลังงานไฟฟ้า 100%) (แผนภาพที่ 1) ทำให้สามารถขับขี่ด้วยด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ จากนั้น ในขณะที่ขับรถขึ้นเนินที่ลาดชันหรือในขณะที่เร่งความเร็ว ระบบจะทำการปรับเปลี่ยนสู่รูปแบบการขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด โดยใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ได้รับการปั่นไฟฟ้าให้เกิดพลังงานจากเครื่องยนต์ (แผนภาพที่ 2) และเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมกำลังขับเคลื่อน (แผนภาพที่ 3) เนื่องจากเครื่องยนต์เริ่มทำงานอย่างนุ่มนวล ไม่กระชาก ผู้ขับขี่จึงสามารถเพลิดเพลินกับสุนทรียภาพแห่งการเดินทางอันรื่นรมย์ สะดวกสบายแม้ในรูปแบบการขับขี่แบบไฮบริด ขณะที่เมื่อชะลอความเร็ว ตัวรถจะเข้าสู่รูปแบบ Regenerative Braking ซึ่งเป็นระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรก จึงสามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าเพื่อเก็บสำรองพลังงานไว้ในแบตเตอรี่ (แผนภาพที่ 4) ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs) จึงมอบการขับขี่ที่เงียบสงบและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในแบบของรถยนต์ไฟฟ้าโดยไม่ต้องพึ่งน้ำมันเชื้อเพลิง และปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปพร้อมๆ กับการมอบการขับขี่ที่สะดวกสบายในแบบของรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ที่ผู้ขับขี่สามารถเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ทางไกล โดยไม่ต้องกังวลถึงพลังงานคงเหลือในแบตเตอรี่
ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด มอบอัตราเร่งที่ทรงพลัง ไหลลื่นไม่มีสะดุด ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 85 กิโลวัตต์ พร้อมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าผสานการทำงานกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร MIVEC โดยมีแบตเตอรี่ขับเคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาสำหรับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ตอบสนองต่อแรงบิด 255 นิวตันเมตรได้อย่างรวดเร็วเมื่อออกตัว และให้อัตราเร่งที่ทันใจเมื่อกดคันเร่ง ผู้ขับขี่จึงสามารถเปลี่ยนเลนบนทางด่วนได้อย่างราบรื่นไร้กังวล และกลับรถบนถนนในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นได้อย่างสะดวกง่ายดาย
เครื่องยนต์เบนซินที่ได้รับการพัฒนาใหม่ขนาด 1.6 ลิตร DOHC MIVEC 16 วาล์ว4 มีอัตราส่วนการขยายตัวสูง (วงจร Atkinson) พร้อมกับมีประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่สูงกว่าด้วยการติดตั้งปั๊มน้ำไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในเครื่องยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส พร้อมคอมเพรสเซอร์แอร์ไฟฟ้าเพื่อลดการสูญเสียทางกล ช่วยเสริมให้อัตราประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์ดีขึ้น กว่าเดิมราวร้อยละ 34 สำหรับการขับขี่ในเมือง และให้อัตราประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้นกว่าเดิมราวร้อยละ 15 สำหรับการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง เมื่อดำเนินการทดสอบตามมาตรฐานการวัดระยะทางรถยนต์ไฟฟ้าแบบ NEDC
โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (AYC)
โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ปลอดภัย มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง ลุยได้ในทุกสภาพถนน ไปได้ทุกที่ตามต้องการ
โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ประกอบด้วย โหมดการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) 2 โหมดและอีก 5 โหมดสำหรับพื้นผิวถนนที่มีสภาวะแตกต่างกันตามภูมิประเทศและภูมิอากาศ เพื่อสมรรถนะสูงสุดในการขับขี่และการควบคุมตัวรถที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ
ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้โหมดการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) 2 โหมด ได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ ซึ่งประกอบด้วย EV Priority Mode ที่ขับเคลื่อนรถด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ โดยปราศจากการทำงานของเครื่องยนต์ โหมดนี้ทำงานอย่างเงียบสงบ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังช่วยให้ผู้ขับขี่หมดกังวลเรื่องเสียงรบกวนเมื่อขับขี่ในหมู่บ้านยามเช้าตรู่ หากพลังงานแบตเตอรี่เหลือน้อย ผู้ขับขี่สามารถปรับเข้าสู่ Charge Mode เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้ทุกเวลา ทั้งในขณะที่ตัวรถกำลังเคลื่อนที่หรือขณะหยุดนิ่ง เพื่อให้สามารถกลับมาสนุกกับการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าได้อีกครั้ง
โหมดการขับขี่อีก 5 รูปแบบ ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อมอบสมรรถนะสูงสุดในการขับขี่และการควบคุมตัวรถที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำบนพื้นผิวถนนที่มีสภาวะแตกต่างหลากหลายตามภูมิประเทศและภูมิอากาศ โดยพัฒนาระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าให้ดียิ่งกว่ารุ่นเดิม ผสานกับระบบควบคุมการขับขี่ต่างๆ ทั้งระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ ซึ่งเป็นการควบคุมแรงเบรกระหว่างล้อหน้าด้านซ้ายและด้านขวาให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control System: TCL) ที่ช่วยตรวจจับอาการลื่นไถลของล้อหน้าและควบคุมพละกำลังการขับเคลื่อน ระบบควบคุมอัตราเร่ง (Acceleration Control) ที่ช่วยปรับกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ให้ทำงานสอดประสานอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อมีการกดคันเร่ง และระบบควบคุมน้ำหนักพวงมาลัย (Steering Control) ที่ช่วยปรับน้ำหนักของพวงมาลัยให้ตอบสนองได้ดั่งใจตามความเร็วและสภาพพื้นผิวถนน
โดยมีรายละเอียดดังนี้
- Normal Mode เป็นโหมดที่สมดุลและเหมาะสมที่สุดสำหรับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน
- Wet Mode เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนที่เปียกลื่น โดยช่วยป้องกันการลื่นไถล ให้การควบคุมที่มั่นใจและเกาะถนนเป็นเลิศแม้ขณะฝนตกหนัก
- Gravel Mode เหมาะสำหรับการขับขี่บนทางทางลูกรัง เพิ่มเสถียรภาพการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่นและขรุขระ
- Tarmac Mode เหมาะกับการขับขี่บนถนนลาดยาง ที่ให้พละกำลังและการควบคุมการขับขี่ที่คล่องตัว มั่นใจได้ในทุกสถานการณ์ แม้บนถนนที่คดเคี้ยว
- Mud Mode ทางโคลน เพิ่มการตอบสนองและการควบคุมที่ทรงพลังบนถนนดินโคลนสมบุกสมบัน
โหมดการขับขี่ทุกรูปแบบสร้างขึ้นเพื่อมอบความปลอดภัยและสะดวกสบายบนทุกสภาพถนนและสภาพอากาศ ซึ่งผู้ขับขี่ต้องพบเจอเป็นประจำ
ภายในห้องโดยสาร โดดเด่นสะดุดตาด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว เพื่อการแสดงข้อมูลที่หลากหลายและใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยจะแสดงข้อมูลสำคัญเพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด อาทิ แสดงรูปแบบการขับขี่ที่จะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์การขับขี่และอัตราเร่ง รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงาน อัตราการประหยัดพลังงานเมื่อขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) ระดับพลังงานคงเหลือในแบตเตอรี่ และข้อมูลอื่น ๆ ทั้งนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ จะมีการแสดงภาพกราฟฟิกกลางหน้าจอเพื่อแจ้งโหมดการขับขี่ที่กำลังทำงานอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกการแสดงผลหน้าจอได้ตามความต้องการ ระหว่าง แบบ Enhanced Mode ที่ล้ำสมัย หรือแบบ Classic Mode ที่ถอดแบบมาจากมาตรวัดระบบอนาล็อก
รถยนต์เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่ ! โดดเด่นเหนือระดับยิ่งกว่าเดิม ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ตอบโจทย์การเดินทางกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน พร้อมดีไซน์ภายนอกสุดเท่ อันเป็นเอกลักษณ์
รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่! ให้ความสำคัญกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในแบบรถยนต์ไฟฟ้า จึงมุ่งเน้นการขับขี่ที่เงียบสงบ ผ่อนคลาย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ด้วยการเพิ่มวัสดุกันเสียงและดูดซับเสียงรบกวนในจุดสำคัญต่างๆ ทั่วตัวรถ เสริมความเงียบสงบภายในห้องโดยสารได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เพียงขณะขับขี่ในรูปแบบ EV แต่รวมถึงขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน ทั้งในขณะที่เร่งความเร็วหรือขับขี่ด้วยความเร็วสูง ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายและสามารถเพลิดเพลินกับการพูดคุย โดยปราศจากเสียงรบกวนได้ตลอดการเดินทาง ทั้งยังโดดเด่นด้วยดีไซน์หัวเกียร์ใหม่แบบ Electric Shift ที่มาพร้อมเทคโนโลยีระบบเกียร์ไฟฟ้า (Shift-by-Wire) อันทันสมัย เพิ่มความสะดวกสบาย ใช้งานได้ง่าย
เพื่อรองรับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ชุดแบตเตอรี่ขับเคลื่อนจึงได้รับการติดตั้งไว้ใต้พื้นบริเวณเบาะนั่งคู่หน้า จึงทำให้รถยนต์ตระกูลเอ็กซ์แพนเดอร์ ยังคงมีพื้นที่ห้องโดยสารภายในที่กว้างขวาง ด้วยเบาะนั่ง 3 แถว ซึ่งกว้างขวางที่สุดในบรรดารถยนต์ระดับเดียวกัน พร้อมรองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง ด้วยขนาดตัวถังที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางในเมือง อีกทั้งห้องเครื่องยนต์และบริเวณรอบชุดแบตเตอรี่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ โดยชุดแบตเตอรี่ยังได้รับการปกป้องด้วยคานรับด้านหน้าและคานขวางด้านหน้า เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานของตัวถัง พร้อมด้วยการพัฒนาช่วงล่างและระบบกันสะเทือนใหม่ทั้งหมดเป็นพิเศษ ที่ทำให้รถยนต์ระบบขับเคลื่อนไฮบริดรุ่นนี้มีเสถียรภาพการขับขี่ที่เหนือชั้นและความสะดวกสบายที่เป็นเลิศ ประสิทธิภาพของระบบเบรกยังได้รับการปรับปรุงใหม่ ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นและชะลอความเร็วอย่างมั่นใจ ด้วยดิสก์เบรกครบทั้ง 4 ล้อ
ภายนอกตัวรถ โดดเด่นด้วยโลโก้ “HEV” ที่กระจังหน้าและฝาประตูท้าย พร้อมด้วยโลโก้ “HYBRID EV” ที่ประตูหน้า และการตกแต่งด้วยเส้นสายสีน้ำเงินที่กันชนหน้า กาบข้างประตู กันชนหลัง และล้ออัลลอยแบบทูโทนทั้ง 4 ล้อ สีตัวถังมีให้เลือกหลากหลาย มาพร้อมด้วยสีใหม่ล่าสุดที่เพิ่มจากรุ่นก่อน คือ สีขาว White Diamond ช่วยสะท้อนถึงความพรีเมียม และนิยามความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ดูสะอาดตาของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ให้ความรู้สึกทั้งแข็งแกร่งและโดดเด่นเป็นประกาย ร่วมด้วยสีที่โดดเด่นสะดุดตา อย่าง สีเงิน Blade Silver Metallic สีเทา Graphite Gray Metallic และสีดำ Jet Black Mica รวมถึงสีเขียว Green Bronze Metallic ที่เป็นสีพิเศษเฉพาะของรุ่น เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี
โดยในโอกาสเฉลิมฉลองการเปิดตัวใหม่นี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส พร้อมมอบราคาพิเศษช่วงแนะนำ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 เพื่อเป็นของขวัญให้กับลูกค้ามิตซูบิชิ ที่รักทุกท่าน โดยมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี ใหม่! มีราคาจำหน่ายช่วงแนะนำเริ่มต้นที่ 912,000 บาท ขณะที่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่! มีราคาจำหน่ายช่วงแนะนำเริ่มต้นที่ 946,000 บาท ซึ่งมีราคาจำหน่ายเท่ากับรุ่นเครื่องยนต์สันดาปในปัจจุบัน
หลังจากช่วงเวลาพิเศษ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี ใหม่! จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 933,000 บาท และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่! มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 961,000 บาท ซึ่งมีราคาที่ไม่ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาปในปัจจุบัน
นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังมอบข้อเสนอสุดพิเศษ มิตซูบิชิ เอ็กซ์ตร้า แคร์ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านสามารถครอบครองและขับขี่รถทั้งสองรุ่นใหม่นี้โดยไม่ต้องกังวล ได้แก่
- การรับประกันคุณภาพรถใหม่ ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
- แพ็กเกจบำรุงรักษานาน 5 ปี
- ฟรีค่าแรงสำหรับการเช็คระยะตลอด 5 ปี
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงนาน 5 ปี
- พร้อมกับประกันภัยชั้น 1 ฟรีหนึ่งปี
- เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นในระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด บริษัทฯ จึงขยายการรับประกันระบบขับเคลื่อนไฮบริด ยาวนานถึง 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง
- และขยายการรับประกันพิเศษสำหรับแบตเตอรี่ขับเคลื่อนไฮบริดในปีที่ 6-10 โดยไม่จำกัดระยะทาง
นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอสุดพิเศษให้ลูกค้าทุกท่านเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งสองรุ่นได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับการดาวน์ 25% และผ่อนนาน 48 เดือน
ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือทดลองขับได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมผู้จัดจำหน่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ และพบกับกิจกรรมพิเศษที่โชว์รูมทั่วประเทศได้ระหว่างวันที่ 3 – 4 กุมภาพันธ์ 2567 นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่นี้ เริ่มจากในกรุงเทพฯ ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ระหว่างวันที่ 2 – 4 กุมภาพันธ์ 2567 ตามมาด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคเหนือ โดยจะมีการประกาศแจ้งวัน-เวลา-สถานที่จัดงานในแต่ละภูมิภาคในช่องทางการสื่อสารโซเชียลมีเดีย ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
ขอเชิญลูกค้าและผู้สนใจ ร่วมสัมผัสมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่ ! และสนุกกับประสบการณ์การขับขี่ใหม่เหนือระดับ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และมั่นใจในทุกเส้นทางไปกับ Mitsubishi e:MOTION
- ยอดขายรวมทั้งหมดของเอ็กซ์แพนเดอร์ และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส
- จำหน่ายในชื่อ L200 ในบางประเทศและภูมิภาค
- สเปกและคุณสมบัติของรถอาจแตกต่างไปตามรุ่นย่อยและตลาดที่จำหน่าย
- MIVEC (Mitsubishi Innovative Valve timing Electronic Control system) เป็นชื่อของระบบวาล์วแปรผันของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส
Xpander HEV and Xpander Cross HEV World Premiere in Thailand, Featuring Safe, Secure and Exhilarating Driving Experience of Electrified Vehicles
CAPTION:
Mitsubishi Motors Corporation unveils Xpander HEV and Xpander Cross HEV in Thailand. (From right to left): Mr. Masahiro Ito, Chief Product Specialist of Product Strategy Division of Mitsubishi Motors Corporation, Mr. Koichi Namiki, Executive Officer and Division General Manager of Product Strategy Division of Mitsubishi Motors Corporation, Mr. Ryoichi Inaba, President and CEO of Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd., and Mr. Sarote Maartlert, Senior Vice President, Sales, After Sales and Network Improvement Units of Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd.
BANGKOK – February 1, 2024 – Mitsubishi Motors Corporation (hereafter, Mitsubishi Motors) announced that new hybrid electric vehicle (HEV) models of the Xpander and Xpander Cross made their global debut and went on sale in Thailand today. This marks the first time in Thailand that an HEV system is integrated with the body of a small multi-purpose vehicle to deliver the Mitsubishi e:MOTION, the new emotional driving experience full of power and confidence on all roads. Featuring three of Mitsubishi Motors’ most advanced technologies which perfectly combine the power of electric motor with a new engine, the HEV models are produced at the Laem Chabang Plant of Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd.
New! Xpander and Xpander Cross HEV models
The Xpander combines the comfort and versatility of an MPV with the bold styling and road performance of an SUV. After its debut in Indonesia in 2017, it was subsequently rolled out in the ASEAN region, Latin America, the Middle East, and other markets, with the Xpander Cross added in 2019 as the top variant of the series. Driving the growth of the company as a global strategic vehicle, the Xpander series sold over 130,000 units1 globally in fiscal year 2022, which was third-highest of all Mitsubishi models behind the Triton2 and Outlander. In total, more than 650,000 units were sold since it was first launched. Specifically, more than 64,000 units of Xpander and Xpander Cross have been sold in Thailand since it was launched in August 2018.
The newly-added HEV models combine Mitsubishi Motors’ trademark electrification and all-wheel control technologies to raise the appeal of the Xpander series to another level. Newly developed based on the brand’s plug-in hybrid electric vehicles (PHEVs), the HEV system delivers an eco-friendly and exhilarating driving experience unique to electrified vehicles. In addition, Active Yaw Control and other unique all-wheel control technologies complement the two-wheel drivetrain to enable safe, secure driving at will, and a variety of drive modes provide optimal driving on any road surface and in any weather condition. Moreover, drivers can actively choose EV driving according to the situation, such as driving in quiet residential areas early in the morning.
Key highlights: Mitsubishi e:MOTION
Mitsubishi e:MOTION is the integration of the electric motion with new emotional driving experience, offering the perfect driving experience full of power and confidence on all roads. Mitsubishi e:MOTION consists of:
- HEV system: An eco-friendly, exhilarating, dynamic and powerful motor drive made possible by an HEV system derived from PHEVs
- 7 Drive Modes: Seven newly developed drive modes for EV driving at will and for safe, secure road performance in various weather and road conditions
- Active Yaw Control (AYC): Mitsubishi’s unique technology provides safe and confident driving dynamics especially during cornering
Additionally, the Xpander’s uniqueness is further strengthened with an even more comfortable cabin space for driving with family and friends, plus a dedicated exterior accent for a distinctive look.
Product overview (Thailand specifications)3
HEV System:
An eco-friendly, exhilarating and powerful motor drive made possible by an HEV system derived from PHEVs
The newly developed HEV system features EV driving, hybrid driving and regenerative braking. High fuel efficiency and a powerful, exhilarating motor drive is achieved by having the system automatically switch to the optimal driving mode according to the driving conditions and remaining drive battery.
When starting and driving at low speeds, the vehicle is powered by the motor using electricity from the drive battery alone for EV driving (Figure 1). The system switches to hybrid driving when driving uphill or accelerating to run using the motor with electricity generated by the engine as well as power from the drive battery (Figure 2). Hybrid driving also kicks in when driving at high speeds to run using the engine with assistance from the motor (Figure 3). As the engine starts smoothly, drivers can enjoy the smooth, comfortable ride of motor drive even during hybrid driving. During deceleration, kinetic energy is recovered from regenerative braking and converted into electric power, and stored in the drive battery (Figure 4). This HEV system derived from PHEVs is what made it possible to deliver both the quiet, clean ride of an EV with no fuel consumption or CO2 emissions, and the convenient, comfortable ride of an HEV for enjoying long drives without concerns about remaining battery.
The new HEV system delivers the smooth yet powerful acceleration with good response that is characteristic of an electrified vehicle. A generator and an 85 kW motor are combined with a 1.6 L gasoline engine, along with a dedicated drive battery developed particularly for these models. Thanks to the powerful electric motor and battery output, 255 N.m of torque kicks in swiftly when starting and the acceleration has good response when stepping on the pedal, thereby helping drivers smoothly change lanes on highways and merge after U-turns on city streets.
The newly developed 1.6 L DOHC 16-valve MIVEC4 engine adopts a high expansion ratio cycle (Atkinson cycle) to achieve a higher level of combustion efficiency while also incorporating the first electric water pump ever used in a Mitsubishi Motors engine to reduce mechanical loss. This improves the fuel consumption by approximately 34% in urban driving in the New European Driving Cycle (NEDC) test procedure, and approximately 15% in urban and extra-urban driving combined.
7 Drive Modes and Active Yaw Control (AYC):
Seven newly developed drive modes for EV driving at will and for safe, secure road performance in various weather and road conditions
The seven newly developed drive modes comprise two modes for EV driving and five modes for optimal drive control according to road conditions.
Two drive modes are provided for drivers to be able to choose EV driving at will, according to the situation. EV Priority mode drives the motor on power from the battery without activating the engine. Since this mode is highly quiet in addition to being eco-friendly, it frees drivers from concerns about their surroundings when driving in environments such as residential areas early in the morning. If the remaining battery is low, switching to Charge mode enables charging so that EV driving can be enjoyed again. Charge Mode can be activated whether the vehicle is moving or stationary.
The other five drive modes deliver optimal handling and driving force according to road conditions. Based on a front, two-wheel drive system, various controls are integrated together – the Active Yaw Control (AYC), Mitsubishi Motors’ unique technology, which controls the braking force between the left and right front wheels; traction control, which controls driving force when front wheel slippage is detected; acceleration control, which adjusts the output of the motors and engine during acceleration; and steering control, which adjusts steering response according to the speed range and road conditions.
Normal mode is well-balanced for everyday driving, Tarmac mode offers nimble driving and precise handling on winding roads, Gravel mode reduces skidding and delivers secure handling on unpaved roads, Mud mode achieves powerful road handling even on muddy, rough roads, and Wet mode reduces tire slippage and provides high stability even in heavy rain. Together, these modes achieve safe, secure road performance in various types of weather and road conditions for daily driving.
The interior features an 8-inch color liquid crystal display (LCD) meter, with a variety of information displayed on the screen for even greater ease of use. Information particular to an HEV is shown, such as the power meter that indicates statuses in sync with accelerator control, in addition to energy flow, EV driving efficiency and remaining battery. When switching drive modes, the selected mode is shown as a graphic in the center of the display to make it more intuitively easy to select between drive modes even while driving. According to preferences, the screen can either be set to enhance mode with an advanced feel, or to classic mode which replicates an analog gauge configuration.
Strengthening Xpander’s uniqueness with more comfortable cabin space for driving with family and friends, with dedicated exterior accent for a distinctive look
The Xpander and Xpander Cross HEV models deliver powerful, quiet motor drive thanks to the HEV system that prioritizes EV driving. Also, sound absorbing and soundproofing materials have been added at key locations to keep the interior quiet not only during EV driving but also when the engine activates during acceleration or when driving at high speeds, allowing for conversations to continue stress-free in the passenger cabin. The new shift lever which adopts Shift-by-Wire technology, comes with a modern design that enhances user-friendliness and ease of operation.
To accommodate the HEV system, the drive battery has been positioned under the floor of the front seats, thereby maintaining the Xpander series’ top-class, three-row interior space that is roomy enough for seven passengers, despite its body size that is easy to maneuver in city driving. The flooring of the engine compartment and around the battery has been changed, and the battery has been enclosed by front side members and front crossmember for protection, resulting in the improvement of body rigidity. Along with a special brand-new tuning of the suspension, these measures contribute to achieving outstanding steering stability and excellent ride comfort. Braking performance has also been improved, providing better response and fade-free performance with the adoption of rear disc brakes.
The exterior features “HEV” badges on the front grille and liftgate, plus “HYBRID EV” badges on the front doors, while blue accent color has been added to the lower part of the front side as well as the side garnishes, rear bumper, and wheels. White Diamond was newly added as a body color to express the clean character of an electrified vehicle with its rigid yet luminous and vivid color, joining Blade Silver Metallic, Graphite Gray Metallic and Jet Black Mica in the lineup of color options. For the Xpander Cross HEV model, Green Bronze Metallic is also available.
Pricing for the new Mitsubishi XPANDER HEV and Mitsubishi XPANDER CROSS HEV start at THB 933,000 and THB 961,000, respectively. However, to celebrate the launch with its customers, a special introductory price has been offered. As a result, the Mitsubishi XPANDER HEV now costs only THB 912,000, while the Mitsubishi XPANDER CROSS HEV will be priced at THB 946,000. Customers will notice that these special prices are the same with current gasoline-powered models. This special price is valid until April 7, 2024.
In addition to the special pricing, Mitsubishi Motors Thailand will also offer the Mitsubishi XTRA CARE package so customers can own and drive the new vehicles with power and confidence. The package includes five-year or 100,000 km vehicle warranty, service package, free labor fee for periodical maintenance, and roadside assist – all for five years. Additionally, owners can enjoy free first-class insurance for one year.
To enhance the HEV system’s reliability, the automaker will also extend to customers a special five-year unlimited-mileage warranty for the HEV system. Additionally, the driving battery will also be under an unlimited-mileage warranty for the sixth to 10th year. Owning the new vehicles will be very easy, thanks to zero-percent interest rate for a downpayment of 25 percent and a 48-month installment.
Customers can now contact Mitsubishi dealerships for more information and test-drives. Special events will be held at all showrooms nationwide from February 3-4, 2024. Other events will also be held to herald the launch of the new vehicles, starting in Bangkok at Central Ladprao from February 2 – 4, 2024. The special events will then move on to other regions including the Northeast, South, Central and Northern regions. Dates and venues of these events will be announced in Mitsubishi Motors Thailand’s official channels.
Customers and the public are invited to experience the new Mitsubishi XPANDER and XPANDER CROSS HEV, and enjoy ‘New Power, New Emotion’, the superior driving performance and special moments with Mitsubishi e:MOTION.
- Total combined units sold of the Xpander and Xpander Cross.
- Sold as the L200 in some countries and regions.
- Vehicle specifications and features may vary by trim level and by the market in which they are sold.
- MIVEC (Mitsubishi Innovative Valve timing Electronic Control system) is a term for Mitsubishi Motors’ variable valve timing mechanism.
