คาร์ออลสไตล์ ครบเครื่อง เรื่องรถ

ข่าวสารยานยนต์

มาสด้าพร้อมลุยรับศักราชใหม่ปีมังกรทอง ชูนโยบายดูแลลูกค้าเต็มรูปแบบ พุ่งเป้าเติบโตอย่างยั่งยืนด้านการขายและการบริการ

10 มกราคม 2567 มาสด้าวางยุทธศาสตร์รับปีมังกรทอง สร้างรากฐานให้มั่นคง ปั้นแบรนด์ให้แข็งแกร่ง พัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เต็มรูปแบบ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ ยกระดับการบริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของแบรนด์มาสด้าในประเทศไทย พร้อมเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นด้วยกลยุทธ์ Customer Experience Management (CXM) สร้างประสบการณ์ลูกค้าและมอบสิทธิประโยชน์ ดูแลลูกค้าหลังการขายแบบไร้ข้อกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ควบคู่กับบริหารคุณค่าแบรนด์ให้ยั่งยืนด้วย Brand Value Management (BVM) ตามปณิธานในการยกระดับและเติมพลังให้กับผู้คนผ่านประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ เล็งเป้าปีนี้เติบโตทั้งยอดขายและการเพิ่มฐานลูกค้าที่เข้ารับบริการที่ศูนย์ฯ มาสด้าทั่วประเทศ มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับมาสด้าทั่วโลก

 

มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์ในปี 2566 “ในปีที่ผ่านมา เป็นปีแห่งความตึงเครียดทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม มีปัจจัยรอบด้านที่กระทบต่อผลการดำเนินธุรกิจมาสด้าในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป นโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด มาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาด รวมถึงกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคเร็วขึ้น การเข้ามาทำตลาดของแบรนด์ใหม่ๆ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงกับมาสด้าที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงอยู่ในปัจจุบันไปสู่พลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ๆ แต่ถือว่ามาสด้าทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ มาสด้าพร้อมแปรสภาพความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นให้กลายเป็นความเข้มแข็ง เชื่อว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีกว่านี้”

ในปี 2566 ที่ผ่านมา มาสด้ามียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 16,544 คัน แบ่งออกเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 8,718 คัน ประกอบด้วย มาสด้า2 จำนวน 7,834 คัน และมาสด้า3 จำนวน 884 คัน รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี จำนวน 6,981 แบ่งออกเป็น มาสด้า CX-30 จำนวน 3,254 คัน, มาสด้า CX-3 จำนวน 2,389 คัน, มาสด้า CX-8 จำนวน 999 คัน และมาสด้า CX-5 จำนวน 340 คัน รถปิกอัพ มาสด้า บีที-50 จำนวน 834 คัน และรถสปอร์ตเปิดประทุน มาสด้า MX-5 จำนวน 10 คัน ส่วนรถยนต์นั่งสุดหรู มาสด้า6 รุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 20 ปี ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากมีลูกค้าจองสิทธิ์เข้ามาแล้วกว่า 74 คัน จากจำนวนทั้งหมด 100 คัน

 

“แม้ว่ายอดขายมาสด้าจะปรับตัวลดลง แต่ในปีที่ผ่านมา มาสด้ายังประสบความสำเร็จในด้านการบริการหลังการขาย อันเป็นผลพวงจากการดำเนินธุรกิจภายใต้ Retention Business Model โดยมีลูกค้ากลับเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และทำให้ผู้จำหน่ายมีผลกำไรแม้จะอยู่ในสถาวะตลาดชะลอตัว ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้ายังสามารถรักษาสัดส่วนการจำหน่ายอะไหล่ไว้ได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมีการจัดเก็บสต็อกอะไหล่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมกับปริมาณลูกค้าที่จะเข้ามารับบริการและรองรับต่อความต้องการในอนาคต จึงสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ด้วยบริการที่สะดวกรวดเร็ว ทำให้แบรนด์มาสด้าในประเทศไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงความสำเร็จจากแผนการดำเนินงานภายใต้โมเดลธุรกิจดังกล่าวได้เป็นอย่างดี” มร. ทาดาชิ มิอุระ กล่าว

 

มร. ทาดาชิ มิอุระ แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2567 ว่า “โดยภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาคึกคักอย่างชัดเจน กำลังซื้อของผู้บริโภคมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น กลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 มาสด้าเชื่อว่าในปีนี้จะเป็นปีที่ท้ายทายยิ่งขึ้น การแข่งขันของตลาดรถยนต์ในประเทศจะทวีความร้อนแรง การเข้ามาลงทุนจากนักธุรกิจต่างประเทศ ผลักดันให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้นจากการปรับอัตราค่าแรง คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 750,000 – 800,000 คัน หรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของมาสด้าคาดว่าจะเติบโตเช่นเดียวกัน เนื่องจากฐานลูกค้าที่เข้ามารับบริการที่ศูนย์บริการเพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มโอกาสในการขายรถใหม่มากขึ้น”

ในปีนี้ มาสด้ายังได้ขยายกรอบตามกลยุทธ์ภายใต้ Retention Business Model ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับการบริการลูกค้าในทุกมิติ ในรูปแบบ One Stop Service ตั้งแต่ด้านการขาย การบริการหลังการขาย การกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า การเทรดอิน รวมถึงงานซ่อมตัวถังและสี โดยเฉพาะการขายรถใหม่ผ่านผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์ การขายรถมาสด้ามือสองคุณภาพเหนือระดับ ภายใต้โครงการ Mazda CPO ที่พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับมูลค่ารถยนต์ให้กับลูกค้า และเพิ่มความสะดวกในการนำรถเข้ามาเทรดอิน โดยในปีนี้จะเน้นพัฒนาการขายผ่านช่องทางออนไลน์ Mazda CPO Marketplace มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าและตอบรับกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ยกระดับบริการหลังการขายด้วยการขยายศูนย์ซ่อมตัวถังและสี (Certified Body & Paint) ลดระยะเวลาในการรออะไหล่ และมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าด้วย Privilege Program ที่พิเศษมากกว่าเดิม เพื่อตอบสนองการให้บริการลูกค้าอย่างครบครัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ย่อมมีโอกาสและความท้าทายอยู่เสมอ มาสด้าให้ความสำคัญกับลูกค้า ฟังเสียงของลูกค้า เพราะลูกค้าเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง มาสด้าเริ่มวางแผนเพิ่มความเข้มข้นในการผลักดันนโยบายต่างๆ โดยเริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือมาก่อนล่วงหน้าถึง 2 ปี เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก โดยให้ความสำคัญกับลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่งด้วย Customer Experience Management (CXM) หรือการจัดการประสบการณ์ลูกค้า เน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดเพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคง รวมถึงมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) หรือ การสร้างมูลค่าของแบรนด์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว โดยกลยุทธ์ด้านต่างๆ สามารถแบ่งออกได้ดังนี้

  • ปรับองค์กรให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจอย่างรวดเร็ว คล่องตัว และครอบคลุมยิ่งขึ้น: นโยบายสำคัญคือการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป ด้วยการปรับรูปแบบของธุรกิจไปสู่ Retention Business Model ซึ่งหลังจากดำเนินการมาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้ มาสด้าเตรียบขับเคลื่อนองค์กร ด้วยนโยบายหลัก 3 ประการ ภายใต้ Brand Value Management (BVM) ประกอบด้วย Purpose คือ เจตนารมณ์และเหตุผลหลักในการดำรงอยู่ของมาสด้า เน้นสร้างคุณค่าและเติมเต็มชีวิตให้กับผู้คนได้สัมผัสแบรนด์มาสด้าด้วยความภาคภูมิใจ Promise คือ คำมั่นสัญญาจากแบรนด์ที่มีให้กับลูกค้าทุกคน มาสด้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก และ Value คือ การสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้เป็นมากกว่ายานพาหนะแต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่จะทำให้ทุกครอบครัวมีความสุขตลอดการเดินทาง
  • การตลาดยุคดิจิทัลเน้นสื่อสารกับลูกค้าสร้างความประทับใจ: ยกระดับการสื่อสารกับลูกค้ามากขึ้น ฟังเสียงของลูกค้ามากขึ้น รักษาฐานลูกค้าเก่าและดึงลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำ สร้างความพึงพอใจสูงสุดและเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด ตามนโยบาย Customer Experience Management (CXM) รวมถึงเข้าใจความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าคนไทยอย่างถ่องแท้ ควบคู่กับการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น พร้อมจัดกิจกรรมร่วมกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ทั้งด้าน CRM และ CSR เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับ องค์กร ผู้คน โลก สังคม ตามพันธกิจเฉกเช่นเดียวกับมาสด้าทั่วโลก
  • พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าปัจจุบัน: มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เต็มรูปแบบยิ่งขึ้น เติมเต็มความต้องการของลูกค้า เติมพลังให้กับผู้คนผ่านประสบการณ์การขับขี่ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เดินหน้าตามพันธกิจสู่ความยั่งยืน Sustainable Zoom-Zoom 2030 ด้วยการวางรากฐานสู่การนำเสนอรูปแบบพลังงานทางเลือกที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้สถานการณ์และกรอบเวลาที่เหมาะสม เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์
  • เอาใจใส่ดูแลลูค้าเมือนคนในครอบครัว ธุรกิจของผู้จำหน่ายต้องเติบโตอย่างยั่งยืน: เน้นกลยุทธ์ในการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้ามาสด้า และครอบครัว ด้วยโครงการ Customer Loyalty Program รวมถึงสิทธิพิเศษในการซื้อรถใหม่กับ Mazda Family Campaign มอบสิทธิประโยชน์ในการเข้ารับบริการที่ศูนย์ฯ มาสด้าทั่วประเทศ เน้นจัดกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ ด้วย Customer Engagement Activity เพิ่มช่องทางในการดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ประสานความร่วมมือกับผู้จำหน่ายทุกโชว์รูมทั่วประเทศ เพื่อเอาใจใส่ดูแลลูกค้าและทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างความรักความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว รวมถึงส่งมอบประสบการณ์การใช้รถอย่างไร้ความกังวลกับรถยนต์ทุกรุ่น โดยเฉพาะโปรแกรมดูแลลูกค้าหลังการขายแบบไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อมอบความคุ้มค่าในระยะยาว กับโปรแกรม Mazda Care และ Mazda Ultimate Service เพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้าที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวมาสด้า และวางใจให้มาสด้าดูแลไปตลอดอายุการใช้งาน

 

“มาสด้าขอขอบคุณลูกค้า พันธมิตร ผู้จำหน่าย และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จากนี้ไป มาสด้ามั่นใจอย่างยิ่งว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนตลอดไป อันเกิดจากสิ่งที่ทางมาสด้าได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนโยบายการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้าตามกลยุทธ์ Retention Business Model การส่งมอบผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายรูปแบบและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในปัจจุบัน ช่วยให้การดำเนินชีวิตของลูกค้าเป็นไปอย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น ตามปณิธานในการส่งมอบความสุขในการขับขี่ Joy of Driving และยกระดับประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน” นายธีร์ กล่าวเสริม

Mazda is ready to embrace the new golden dragon year by implementing comprehensive customer care policy, aiming for sustainable growth in sales and service

Bangkok, Thailand – 10 January 2024 – Mazda has created a strategy to embrace the Golden Dragon Year by fostering a solid foundation and enhancing the brand’s strength. The company has also planned to add new vehicles to its product lineup and aimed to fully develop existing technologies to cater to the diverse lifestyles of customers. The strategy includes standardizing service levels nationwide, enhancing Mazda’s competitive advantage in the Thai market and prioritizing customer care through Customer Experience Management (CXM) to create best customers’ experience and offer after sales service programs to help minimizing customers’ concern about service expenses together with deploying Brand Value Management (BVM). These efforts align with the commitment to elevate and empower individuals through superior driving experiences. The aim this year is to grow both sales volume and increase customer base visiting service centers nationwide in order to strive for sustainable growth together with Mazda globally.

 

Mr. Tadashi Miura, President of Mazda Sales (Thailand) Co., Ltd. said, “In 2023, it was a stressful year for both economically and socially which affecting the performance of Mazda’s business operations in Thailand. Namely, economic growth that grew slowly, more strictly policies on car loans and measures for electric vehicles that distorted the market, alongside the emerging trend of electric vehicles in Thailand that were fostering rapid changes. In addition, the entry of new brands also provides consumers with more choices. These factors directly affected Mazda that is presently in the process of developing new products and in transition phrase to alternative energy sources. However, Mazda has performed better than expected. Mazda is ready to turn ongoing changes into strengths and we believe that tomorrow will be better than today.”

 

“in 2023, Mazda has a total sales volume of 16,544 units. It can be broken down into a total of 8,718 units of passenger cars, comprising Mazda2 with 7,834 units and Mazda3 with 884 units. Meanwhile, the sales of crossover SUVs created 6,981 units which could be divided as follows: Mazda CX-30 with 3,254 units, Mazda CX-3 with 2,389 units, Mazda CX-8 with 999 units, and Mazda CX-5 with 340 units. In the pickup segment, the Mazda BT-50 has sold 834 units, and the Mazda MX-5 has sold 10 units. As for the Mazda6 20th Anniversary Edition, has gathered considerable attention with 74 customers having reserved their rights to purchase the vehicles, out of a total of 100 units.

 

Even though Mazda’s sales figures have declined. However, in the past year, Mazda still achieved success in after-sales service. This was a result of conducting business under the Retention Business Model, where many customers returned for service at service centers. This led to a solid customer base, enabling dealerships to generate profits despite a slow market. Not only that, Mazda also managed to maintain a similar proportion of spare parts sales compared to the previous year by increasing spare parts stock, catering to the volume of customers visiting for service and anticipating future demands. This allowed for customer satisfaction through convenient and prompt services, strengthening the Mazda brand in Thailand. These factors indicate the success of the operational plans under this business model.” Mr. Tadashi Miura said.

 

Mr. Tadashi Miura also revealed his vision about the 2024 Thai automotive industry that overall Thai automotive industry showed a positive direction and growth trend. It was boosted by the expected continuous expansion of the Thai economy, a noticeable recovery in the tourism sector as well as a promising upward trend of consumer purchasing power. It was expected that the volume of car production will increase approximately to the levels before the outbreak of COVID-19. Mazda believed that this year, the competition within the Thai automotive industry will be more intense,  thereby boosting economic system and increasing employment opportunities. The overall expectation for the automotive industry was estimated to be about 750,000 – 800,000 units, equivalent to the previous year. For Mazda, we were expected for growth as well because the increasing number of customers visiting the service centers help enhance opportunities for selling new cars.

This year, Mazda has expanded its framework further according to the strategy under the Retention Business Model to encompass a more comprehensive choice. This is aimed at elevating customer service in all aspects through a One-Stop Service patterns, covering sales, after-sales service, customer repurchase, trade-ins, as well as body & paint services. Particularly emphasizing the sale of new cars through Mazda dealers nationwide and online platforms, as well as selling high-quality second-hand Mazda cars through the Mazda CPO (Certified Pre-Owned) program developed to enhance the value of cars for customers and facilitate ease in trade-ins. The focus this year is to further develop online sales through the Mazda CPO Marketplace to enhance convenience for customers and respond to the new era’s lifestyle. This aims to elevate post-sales service by expanding Certified Body & Paint centers, reducing wait times for spare parts, and offering customers more benefits through an enhanced Privilege Program, surpassing previous offerings, to deliver comprehensive customer service.

Mr. Thee Permpongpanth, Senior Vice President of Mazda Sales (Thailand) Co., Ltd said, “With the rapidly changing automotive market situation in Thailand, every change that occurs inevitably brings opportunities and challenges. We prioritize customers, listen to their voices, as customers are crucial foundations in building a strong brand. Mazda has begun to adjust strategies proactively from more than two years prior to enhance competitiveness and stay up-to-date of the evolving global trends. The primary focus lies in prioritizing customers through Customer Experience Management (CXM) or customer experience management, emphasizing the creation of maximum satisfaction to establish a solid foundation, including a focused effort on building the brand through Brand Value Management (BVM) strategies. The strategies can be divided as follows:

  • Adjust the organization to drive the business more swiftly, agilely and actively: The most important policy is a swift adaptation to keep pace with the changing market by transitioning the business towards Retention Business Model. After implementing this policy for more than 2 years, many aspects have become significantly clearer. In this year, Mazda aims to drive the organization through 3 core principles under Brand Value Management (BVM) that are; Purpose, Promise, and Value. Purpose focuses on Mazda’s fundamental motivations and reasons for existence, aiming to create value and enrich lives, allowing people to experience the Mazda brand with pride. Promise embodies the brand’s commitment to every customer, ensuring Mazda’s dedication to developing cars under technologies that meet global customer needs. Value encompasses creating brand value beyond vehicles, aspiring to be a partner that contributes to the happiness of every family throughout their journey.
  • Shift to digital marketing, emphasizes communication with customers to create an impression: Elevating customer communication, listening to customer feedback, maintaining existing customer base and enticing them to make repeat purchases by cultivating maximum satisfaction and providing best customer care aligning with the Customer Experience Management (CXM) policy. This approach involves understanding the unique needs of Thai customers, emphasizing consistent customer engagement activities through CRM and CSR to create sustainability across the organization, people, the earth, and society that is in line with Mazda’s global mission.
  • Develop new technology must meet current needs of customers: We aim to further develop technologies to better meet customers’. This effort aims to empower individuals through superior driving experiences with cutting-edge technology. Simultaneously, we are advancing towards the Sustainable Zoom-Zoom 2030 mission by setting the foundation for presenting clean and environmentally friendly alternative energy solutions that is executed within appropriate timelines and contexts to achieve the goal of achieving zero carbon emissions.
  • Caring for customers as if they are family members while seeing the importance of dealership’s business sustainable growth: Emphasizing the strategy of providing special privileges to Mazda customers and families, including the Customer Loyalty Program and exclusive benefits through the Mazda Family Campaign, offering service benefits at Mazda service centers nationwide. Focusing on customer relationship activities through Customer Engagement Activities, expanding customer care channels, and coordinating with dealerships across showrooms nationwide to cater to customer needs and conduct joint activities to foster long-term customer relationships. This also involves delivering a worry-free driving experience across all car models, particularly through after-sales customer care programs such as Mazda Care and Mazda Ultimate Service, aimed at providing long-term value and expressing gratitude to customers who are part of the Mazda family, ensuring Mazda’s continuous care throughout the ownership experience.

 

“Mazda would like to express our gratitude to customers, partners, dealers, and all stakeholders for their continuous support. From today onwards, Mazda is confident that the Mazda brand will grow stronger in a sustainable way based on the continuous efforts made by Mazda. Especially, in the customer care policies throughout the ownership of Mazda vehicles as well as delivering products and technologies that come with various environmentally friendly options to meet the diverse needs of customers. These initiatives aim to make customers’ lives more convenient, aligning with our commitment to deliver the joy of driving and elevate the driving experience and enrich lives-in-motion for those we serve.” Mr. Thee added.

รวมข่าวในหมวดเดียวกัน

ฮอนด้าคว้ารางวัล ‘แบรนด์ที่มีบริการหลังการขายยอดเยี่ยม’ จากงาน Thailand Car Of the Year 2024 สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ และตอกย้ำจุดแข็งด้านการบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานและครบวงจร พร้อมดูแลตลอดอายุการใช้งาน ผ่านเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ

Read More »

กระแสแรง! ฮอนด้า เปิดจำหน่าย ‘ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่’ พร้อมให้ลูกค้าเข้าถึงด้วยราคาพิเศษช่วงเปิดตัว เพียง 899,000 บาท พบกันที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่ 28 พ.ย. 67 และงาน Motor Expo ตั้งแต่ 29 พ.ย. 67 – 10 ธ.ค. 67

Read More »