CAR ALL STYLE
คาร์ออลสไตล์ ครบเครื่อง เรื่องรถ

TESTDRIVE

ทดสอบสมรรถนะ “ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่” ประหยัด คล่องตัว พร้อมระบบ Honda SENSING ทำงานฉับไวจนถึงรุ่น E

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว “ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่” สปอร์ตพรีเมียมแฟลกชิปซีดานที่ได้รับการพัฒนาเพื่อส่งมอบคุณค่าใหม่อีกขั้น ในช่วงท้ายปลายปี 2566 ที่มาพร้อมขุมพลังระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ในทุกรุ่นย่อย ตอบสนองทันใจด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ E-CVT ที่ให้แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงโดยตรง Direct Injection โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างราบรื่น ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น มั่นใจตลอดการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายและระบบเชื่อมต่อที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์

โดยครั้งนี้ผมมีโอกาสทดสอบสมรรถนะ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ในเกรดเริ่มต้น e:HEV E ซึ่งแรกพบสบตาก็สามารถสัมผัสได้ถึงดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตเรียบหรู โฉบเฉียวกว่าโมเดลที่ผ่านๆ มาอย่างเห็นได้ชัด และยังสะท้อนภาพลักษณ์ผู้ครอบครองที่ภูมิฐานแฝงความสปอร์ตคมเข้ม  แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นแต่ก็ไม่แตกต่างกันรุ่น EL และ RS มากจนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแต่อย่างไร ทว่าตัวเริ่มต้นก็ยังคงดึงดูดสายตาด้วยกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ที่ได้รับการออกแบบให้เข้ากันอย่างลงตัว มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีเงิน เฉพาะรุ่น  E กับยางที่เหมาะกับการใช้งาน และขยับขึ้นเป็น 18 นิ้ว สีดำ (รุ่น EL) และไซด์เดียวกันแต่สีดำแมตต์ (รุ่น RS) แต่ถ้าคุณต้องความสปอร์ตแบบเห็นได้จะๆ ต้องเลือกครั้งแรกในโลกกับรุ่น RS ที่ยกระดับความเร้าใจขึ้นอีกขั้น ด้วยดีไซน์เอกซ์คลูซีฟรอบคัน

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานอย่างสะดวกสบาย
รองรับไลฟ์สไตล์การใช้งานที่หลากหลายได้อย่างลงตัว และมีระบบที่ฮอนด้าได้ติดตั้งเป็นครั้งแรก* ใน แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ อย่าง ปุ่ม Experience Selection Dial ที่เลือกปรับได้อย่างง่ายดาย รวมถึง Google built-in ที่มาพร้อมแอปและบริการของ Google ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว เป็นต้น

ระหว่างการทดสอบสมรรถนะแอคคอร์ด ใหม่ ทั้งในและนอกเมืองใหญ่รวมระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร ผมได้สัมผัสกับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ให้การตอบสนองได้ทันใจ จากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ E-CVT โดยการทำงานคราวๆ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ซึ่งให้แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง จะผสานการทำงานกับเครื่องยนต์บล๊อกใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว โดยระบบจะมอบสมดุลระหว่างสมรรถนะการขับขี่ที่ตอบสนองได้ดั่งใจ คู่ขนานไปกับอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีระดับผ่าน 20 กม./ลิตร ได้ทั้งนอกและในเมืองแบบสบายๆ

อีกทั้งยังได้สัมผัสกับการปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานโดยอัติโนมัติให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างเหมาะสม ระหว่างโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่แบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) นอกจากนี้ในขณะลดความเร็ว ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการชลอความเร็วให้กลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ (Regeneration) และสำหรับ แอคคอร์ด โมเดลล่าสุดนี้เรายังสามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้าอีกขั้นด้วยการกดสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ที่ได้รับการพัฒนาโดยเพิ่ม Charge Mode นับเป็นครั้งแรกใแอคคอร์ด ซึ่งเป็นโหมดที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่รถวิ่งด้วยน้ำมัน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ ผ่านการกดสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ใหม่ สามารถเลือกปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบส่งกำลัง พร้อมระบบ Adaptive Cruise Control อีกทั้งยังเปลี่ยนสีของมาตรวัดได้ดั่งใจ

ไฮไลต์ของแอคคอร์ดใหม่ มีมากมาย ระหว่างการขับขี่ผมได้เจอกับการใช้ทำงานของ Honda SENSING ที่จะผสานการทำงานของกล้องด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกว่าเสมือนกมีเกราะป้องกันอีกชั้นและเข้ามาจัดการได้อย่างพอเหมาะพอเจาะในเวลาที่ต้องการ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ได้แก่

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ(Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) หรือ ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน
  • ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

 

พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่นๆ* อาทิ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) ใน (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS) เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS) ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ใหม่ ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS) ถุงลม 8 ตำแหน่ง ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) และ ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และใหม่ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง ที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้อีกอย่างคือระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) และ ใหม่ รุ่น e:HEV RS มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC) เป็นต้น

สำหรับผมกับประสบการณ์การเดินทางครั้งแรกกับฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ต้องบอกว่าแอคคอร์ด ใหม่ได้รับการยกระดับอย่างชัดเจน ทั้งรูปทรงดีไซน์เฉียบคมอยางเห็นได้ชัด ภายในห้องโดยสารพร้อมสรรพให้ความสะดวกสบายและมีกลิ่นไอเดียวกับผลิตภัณฑ์รถยนต์ฮอนด้าในปัจจุบัน รวมถึงความหลากหลายเทคโนโลยีที่ฮอนด้านำมาติดตั้งเป็นครั้งแรก* ใน แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ทั้ง ปุ่มสวิทช์ Experience Selection Dial ที่เลือกปรับได้อย่างง่ายๆ Google built-in ที่มาพร้อมแอปและบริการของ Google ที่ช่วยให้เราไปยังจุดหมายได้ง่ายและถูกต้องยิ่งขึ้น รวมถึงระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ที่ให้สุ่มเสียงที่ไพเราะเสนาะโสต แม้จะเป็นการลองขับ แอดคอร์ด e:HEV รุ่นเริ่มต้น กับราคา ล้านกลางๆ กับการเดินทางอย่างสะดวกสบายปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเชื้อเพลิง และการหาแหล่งพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ เรืยกว่าไปไหนไปกันในต้นทุนที่คุ้มค่า ผมว่ายังเหมาะสำหรับยุคสมัยปัจจุบัน และยังคงทันสมัยอีกนานอยู่ครับ นับเป็นการสร้างสรรรถยนต์ซีดานขนาดกลางที่น่าสนใจในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของอุตสหกรรมยานยนต์จริงๆ ครับ

ด้านประสิทธิภาพการขับขี่ ช่วงล่างนุ่มนวลแบบกระชับ พวงมาลัยเฉียบคมน้ำหนักไม่มากไม่น้อยเกินไป ระบบเบรกดีขึ้นอย่างชัดเจน ตำแหน่งเบาะนั่งที่ต่ำลงให้ความสปอร์ตยิ่งขึ้น รวมๆ แล้วมีเสน่ห์ลุ่มลึก และค้อนข้างมีสไตล์ไปทางรถยุโรปอย่างแจ่มชัด แตกต่างจากแอคคอร์ดโมเตลที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ

อีกทั้งยังมีระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว เชื่อมต่อ USB Type C 4 ตำแหน่ง และครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า กับฟังก์ชันการอัปเดตซอฟต์แวร์ Over-The-Air(OTA) ช่วยให้ผู้ใช้รถไม่เพียงสามารถอัปเดตระบบ Infotainment แต่ยังสามารถอัปเดตการทำงานของ ECU จากทางไกลได้ ผ่านทางระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว หรือผ่านทางแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน เพิ่มความสะดวกสบายโดยที่ไม่ต้องเข้าไปยังศูนย์บริการ เป็นต้น

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่

รุ่น e:HEV RS              ราคา 1,799,000 บาท

รุ่น e:HEV EL              ราคา 1,669,000 บาท

รุ่น e:HEV E                ราคา 1,529,000 บาท

 

หมายเหตุ:

*อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

– สำหรับสีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 14,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท

 

รวมข่าวในหมวดเดียวกัน

ทดสอบสมรรถนะ “ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่” พิสูจน์ความคุ้มค่าน่าใช้ของซิตี้คาร์ 5 ประตูสุดฮอต! แรงเกินคลาส ประหยัดน้ำมันเกินคุ้ม มั่นใจด้วย Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ตลอดเส้นทางกรุงเทพฯ – พัทยา

Read More »