- เมอร์เซเดส-เบนซ์ คว้ารางวัล “Most Innovative Premium Brand” ย้ำภาพแบรนด์รถยนต์ลักชัวรี่ที่เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก
- EQE รถซาลูนพลังงานไฟฟ้า ได้รับรางวัลสาขา “Most Innovative Model”
- “Markus Schäfer” ผู้บริหารระดับสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี กล่าวถึงการขับเคลื่อนแห่งอนาคต (Future of Mobility) ในงาน “Digital Automotive Talk”
เมืองสตุทท์การ์ดต, เยอรมนี เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้รับ 4 รางวัลอันทรงเกียรติจากเวทีด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก AutomotiveINNOVATIONS Awards ประจำปี 2023 ซึ่งประกอบไปด้วย รางวัล “Most Innovative Premium Brand” รางวัล “Most Innovative Premium Brand — Electric Mobility” และรางวัล “Most Innovative Premium Brand — Interface and Connectivity” รวมไปถึงการคว้ารางวัล “Most Innovative Model” สำหรับรถซาลูนพลังงานไฟฟ้า EQE โดยได้รับเกียรติจากตัวแทนบริษัท ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC) ร่วมกับตัวแทนจากศูนย์บริหารจัดการธุรกิจยานยนต์ (CAM) เป็นผู้มอบรางวัลให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์
Prof. Dr. Stefan Bratzel ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการธุรกิจยานยนต์ (CAM) กล่าวว่า”เมอร์เซเดส-เบนซ์ ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในบรรดาแบรนด์รถยนต์ระดับลักชัวรี่ และอย่างที่ทราบกันดีว่าเป้าหมายของอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกในปีนี้คือการผลักดันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ เราจะเห็นได้ว่าทางเมอร์เซเดส-เบนซ์เอง ก็มีการพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้า 100% ในทุกเซกเมนต์อย่างต่อเนื่อง โดยนอกเหนือจากรุ่นที่ได้รับรางวัลด้านนวัตกรรมอย่าง EQE อีกสองรุ่นที่น่าจับตามองก็คือ EQS SUV และ EQA ที่มีการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัย นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังได้สร้างมาตรฐานให้กับยานยนต์ไฟฟ้าในทุกมิติทั้งในด้านของระยะทางการขับขี่ ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน รวมถึงเวลาในการชาร์จไฟฟ้าที่ดี”
Markus Schäfer ผู้บริหารระดับสูง และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจีกล่าวว่า “การได้รับรางวัล AutomotiveINNOVATIONS Awards ทั้ง 4 รางวัลถือเป็นสิ่งที่พิเศษมากสำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยนอกจากรางวัลในสาขาหลักอย่าง “Most Innovative Premium Brand” เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลในสาขาของแบรนด์รถยนต์ที่มีนวัตกรรมที่ดีที่สุดในด้านของระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Mobility) และระบบผสานการเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์และผู้ขับขี่ (Interface and Connectivity) ในเซ็กเมนต์ของแบรนด์ระดับลักชัวรี่ รวมไปถึงการคว้ารางวัลของ EQE รถซาลูนพลังงานไฟฟ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงการประสบความสำเร็จภายใต้กลยุทธ์การดำเนินงาน “Lead in Electric Drive and Digital Experience” ทั้งนี้ เราขอขอบคุณพนักงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกคน ที่ทำงานหนักเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนยนตรกรรมแห่งอนาคตด้วยพลังแห่งวิสัยทัศน์และความคิดสร้างสรรค์ที่มีมากว่า 135 ปี หลังจากการเปิดตัวรถยนต์คันแรกของโลกที่รู้จักกันในชื่อ เบนซ์พาเทนท์-มอเตอร์วาเกน (Benz Patent-Motorwagen) ที่ออกแบบโดยคาร์ล เบนซ์ (Carl Benz)”
นวัตกรรมที่โดดเด่นของรถซาลูนพลังงานไฟฟ้า EQE
EQE ที่คว้ารางวัล “Most Innovative Model” เป็นรถประเภทซาลูนรุ่นที่สองที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% หลังจากการเปิดตัวรุ่นแรกอย่าง EQS saloon โดย EQE เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางที่ผสานความหรูหราและความสปอร์ตได้อย่างลงตัว มีสไตล์ที่เหมาะกับนักธุรกิจและผู้บริหารระดับสูง และด้วยขนาดตัวถังที่กะทัดรัดกว่า EQS ทำให้มีความคล่องตัวที่มากกว่า โดดเด่นด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยที่ยกความเป็นเลิศมาจาก EQS ทั้งหน้าจอ MBUX Hyperscreen ขนาดใหญ่ เทคโนโลยีการกรองอากาศด้วยฟิลเตอร์แบบ HEPA type รวมถึงระบบเลี้ยวด้วยล้อหลังอย่าง Rear-axle steering system นอกจากนี้ EQE ยังมีระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าสูงถึง 682 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ทำให้เหมาะแก่การขับขี่ครอบคลุมทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการขับขี่ระยะไกล
การพัฒนาเทคโนโลยีที่เหนือชั้นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างระบบการขับขี่อัตโนมัติ “DRIVE PILOT” เป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญที่ปูทางให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้รับรางวัลครั้งนี้ โดยล่าสุด รัฐแคลิฟอร์เนียมีการประกาศรับรองให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถเปิดใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติระดับที่ 3* ตามมาตรฐานของ SAE (Society of Automotive Engineers) หลังจากที่ได้รับการอนุมัติในรัฐเนวาดาและประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ระบบปฎิบัติการมัลติมิเดียของเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่สามารถมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่เหนือชั้นระหว่างระบบกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารก็ได้พัฒนามาถึงเจเนอเรชันล่าสุด “MBUX7” โดยเริ่มติดตั้งแล้วในเมอร์เซเดส-เบนซ์ หลายๆ รุ่น
*ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับที่ 3 (Conditional Automation) เป็นระบบที่ฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติจะเข้ามาช่วยควบคุมการขับขี่ในบางจุดเท่านั้น คนขับยังมีความจำเป็นต้องพร้อมที่จะเข้าควบคุมรถได้ในทุกสถานการณ์
สำหรับระบบ ChatGPT ในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ปัจจุบันยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะทำให้การควบคุมการทำงานด้วยเสียงของระบบ MBUX ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยการทดสอบช่วง Beta phase ได้มีการเริ่มขึ้นที่สหรัฐอเมริกาในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และอีกหนึ่งการริเริ่มของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ทำให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันแข่งแกร่งคือการศึกษารถสปอร์ต Vision One-Eleven ที่มีจุดเด่นด้วยมอเตอร์ประสิทธิภาพสูงอย่าง axial-flux motor จาก “YASA” ผู้ผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าระดับโลก และมีการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ cylindrical battery cells เป็นแหล่งพลังงาน
ตั้งแต่ปี 2012 นวัตกรรมยานยนต์ของบริษัทยานยนต์ระดับโลกได้รับการสำรวจและประเมินตามเกณฑ์เชิงปริมาณและคุณภาพ โดยมีบริษัท ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC) และ Prof. Dr. Stefan Bratzel จากศูนย์บริหารจัดการธุรกิจยานยนต์ (CAM) เป็นผู้ริเริ่มการมอบรางวัลให้กับผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์ ภายใต้ชื่อ “AutomotiveINNOVATIONS Awards” โดยอ้างอิงจากฐานข้อมูลด้านนวัตกรรมของ CAM ในเมืองแบร์กิชกลัดบัค ประเทศเยอรมนี และตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ได้มีการจัดงาน “Digital Automotive Talk” ที่เกิดขึ้นก่อนพิธีมอบรางวัลของทุกๆ ปี โดยในปีนี้ Markus Schäfer ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูง รวมถึงประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี ได้ร่วมพูดคุยและตอบคำถามร่วมกับพิธีกรชื่อดัง Markus Lanz ในประเด็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนแห่งอนาคต (Future of Mobility) และมีการหารือเกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังถูกพูดถึงในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งแนวโน้มการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า การขับขี่อัตโนมัติ การพัฒนาเทคโนโลยีระบบการเชื่อมต่อ และการมุ่งเน้นในด้านความยั่งยืน ทั้งนี้ผู้ร่วมงานทุกคนเห็นพ้องตรงกันว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากกว่าในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาแน่นอน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.mercedes-benz.com