คาร์ออลสไตล์ ครบเครื่อง เรื่องรถ

ข่าวสารยานยนต์

ปอร์เช่ คาเยนน์ ใหม่ Sport SUV ที่ได้รับการยกระดับรอบด้าน

ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) เจเนอเรชั่นที่ 3 ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ ทั้งด้านขุมพลัง ระบบช่วงล่าง งานดีไซน์ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ครอบคลุมประสิทธิภาพการขับขี่ทั้ง on-road และ off-road มอบความหรูหรา และความสะดวกสบายเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

  • ปรับโฉมใหม่ทั้งหมด
  • เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ขับขี่ ด้วยแนวคิดใหม่ของห้องโดยสารระบบดิจิทัล
  • รูปลักษณ์ภายนอกถูกออกแบบให้ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
  • นวัตกรรมระบบไฟหน้าแบบ HD Matrix LED
  • ระบบช่วงล่างพัฒนาใหม่ 2-valve suspension
  • พละกำลังที่เหนือกว่าในทุกรุ่นเครื่องยนต์

 

สตุ๊ทการ์ท ปอร์เช่ ปรับโฉมครั้งใหญ่ให้รถสปอร์ต SUV ทั้งด้านความหรูหราเพื่อความสมบูรณ์แบบรอบด้าน พร้อมเปิดตัว คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นใหม่ ที่ได้รับการยกระดับความเหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผล ระบบควบคุมแบบดิจิทัล ช่วงล่างใช้เทคโนโลยีล่าสุด และนวัตกรรม high-tech มากมาย “นี่คือการปรับโฉมรถยนต์ครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ของปอร์เช่” Michael Schätzle รองประธานกรรมการ ผู้กำกับดูแลส่วนงาน Product Line Cayenne กล่าวว่าระบบไฟหน้า High-definition HD Matrix LED ให้แสงสว่างที่เหมาะสมกับทุกสภาพถนน พร้อมระบบฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง และนับเป็นครั้งแรกของปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ที่ติดตั้งหน้าจอ infotainment สำหรับผู้โดยสารตอนหน้าโดยเฉพาะ รวมไปถึงการยกระดับงานดีไซน์ และพละกำลังที่เหนือกว่าในทุกรุ่นเครื่องยนต์ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เน้นย้ำตัวตนของปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ในฐานะยนตรกรรมสปอร์ต SUV หรู ที่เต็มไปด้วยความสปอร์ตอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรถยนต์ในระดับเดียวกัน

เปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยระบบควบคุมดิจิทัลที่รองรับการใช้งานของผู้ขับขี่อย่างแท้จริง

ปอร์เช่ ติดตั้งหน้าจอแสดงผล และระบบควบคุมการทำงานด้วยแนวคิดล่าสุดไว้ใน คาเยนน์ ใหม่ โดยแนวคิดประสบการณ์ใหม่สำหรับผู้ขับขี่ Porsche Driver Experience เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) เน้นไปที่การใช้งาน และความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึง โดยเฉพาะฟังก์ชั่นที่ใช้งานเป็นประจำจะถูกติดตั้งไว้บนพวงมาลัย หรือตำแหน่งที่ใกล้เคียง อาทิ การเพิ่มฟังก์ชั่นควบคุมการทำงานของระบบช่วยเหลือการขับขี่ บนปุ่มควบคุมบริเวณหลังพวงมาลัยฝั่งซ้ายมือ และย้ายตำแหน่งคันเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ ไปยังแผงคอนโซลหน้า สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มพื้นที่บริเวณคอนโซลกลาง สามารถรองรับการเก็บสัมภาระต่างๆ  รวมถึงการเพิ่มขนาดและความหรูหราให้กับแผงควบคุมระบบปรับอากาศที่มาในสไตล์พรีเมียมมากยิ่งขึ้น เสริมความแม่นยำ ใช้งานง่ายด้วยการผสมผสานสวิทช์ระบบปรับอากาศแบบกลไก และปุ่มควบคุมระดับเสียงแบบสัมผัสที่ให้ทั้งความสะดวกสบาย และภาพลักษณ์ภายในห้องโดยสารที่เรียบหรู แนวทางการพัฒนาที่เป็นหัวใจของประสบการณ์การขับขี่ Porsche Driver Experience ใหม่ คือการสร้างสมดุลย์ระหว่างระบบดิจิทัล และระบบอะนาล๊อก

นับเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ออกแบบภายในห้องโดยสารของปอร์เช่ คาเยนน์ ใหม่ ด้วยการติดตั้งแผงหน้าปัดระบบดิจิทัล ขนาด 12.6 นิ้ว ดีไซน์โค้งมนในแบบ free-standing พร้อมฟังก์ชั่นการแสดงผลอันหลากหลาย และยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์พิเศษระบบ head-up display เพิ่มเติมได้ หน้าจอหลักขนาด 12.3 นิ้วของระบบติดต่อสื่อสาร Porsche Communication Management (PCM) ผสมผสานเข้ากับอุปกรณ์อื่นบริเวณแผงคอนโซลได้อย่างกลมกลืน และช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆของตัวรถได้อย่างง่ายดาย หน้าจอแสดงผลขนาด 10.9 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า คืออีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวครั้งแรก มอบความสุนทรีย์ให้แก่ผู้โดยสารตอนหน้าตลอดการเดินทาง ผ่านการแสดงข้อมูลตัวรถ สามารถรับชมรายการความบันเทิงต่างๆ ด้วยระบบควบคุมที่แยกอิสระ หน้าจอแยกไม่รบกวนวิสัยทัศน์ของผู้ขับขี่ ทั้งนี้รายการความบันเทิงขึ้นอยู่กับพื้นที่จำหน่ายในแต่ละภูมิภาค

งานดีไซน์ใหม่ พร้อมนวัตกรรมเทคโนโลยีระบบไฟหน้าสุดล้ำ

ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ มีรูปลักษณ์ภายนอกที่สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าใหม่และซุ้มล้อที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยเพิ่มลุคให้ดูแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ฝากระโปรงหน้าใหม่และไฟหน้าเทคโนโลยีล่าสุด เสริมให้มิติตัวรถดูกว้างขึ้น ไฟท้ายดีไซน์สามมิติ รูปทรงของท้ายรถที่ลื่นไหลอย่างต่อเนื่อง กันชนท้ายใหม่พร้อมพื้นที่ติดตั้งป้ายทะเบียนที่ดีไซน์ไว้อย่างลงตัว สร้างบุคลิกที่โดดเด่นไม่เหมือนใครจากมุมมองด้านหลังของปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ เพิ่มเติมเฉดสีตัวถังภายนอกให้เลือกถึง 3 เฉดสี พร้อมทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความแตกต่าง ด้วยชุดแต่ง lightweight sports packages ที่สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 33 กิโลกรัมในรุ่น คาเยนน์ คูเป้ (Cayenne Coupé) และล้ออัลลอยด์ลายใหม่ที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 20, 21 ไปจนถึง 22 นิ้ว เสริมมาดสปอร์ตเต็มพิกัดให้แก่ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ พร้อมเพิ่มทางเลือกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบที่คุณต้องการ

ไฟหน้า Matrix LED ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ทุกรุ่น และยังสามารถเลือกติดตั้งไฟหน้า HD Matrix LED เป็นอุปกรณ์พิเศษได้อีกด้วย ไฟหน้าแบบใหม่นี้ควบคุมการทำงานด้วย high-definition modules 2 ตำแหน่ง ภายในโคมไฟหน้าประกอบไปด้วยหลอดไฟส่องสว่าง LED กว่า 32,000 พิกเซล ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ช่วยในการมองเห็นรถยนต์คันอื่น รวมทั้งป้องกันแสงสะท้อนจากไฟสูงของรถยนต์ที่วิ่งสวนทางจากการทำงานของ LED พิกเซลที่แม่นยำ ส่งผลให้ไม่เกิดอาการตาพร่าต่อทั้งผู้ขับขี่ และเพื่อนร่วมทาง กล่องควบคุมสามารถปรับเปลี่ยนความสว่างได้มากกว่า 1,000 ระดับ โหมดการทำงาน Customised light ช่วยยกระดับความปลอดภัย และความสะดวกสบายสูงสุดในทุกสถานการณ์การขับขี่

นอกจากนี้ ปอร์เช่ ยังนำเสนอระบบฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง ซึ่งติดตั้งเป็นมาตรฐานใน คาเยนน์ ใหม่ โดยรถยนต์จะใช้การประเมินสภาพอากาศล่วงหน้าผ่านข้อมูลดาวเทียม predictive navigation data เพื่อตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่ผ่านเข้ามาในห้องโดยสาร และสามารถสั่งการไปยังระบบหมุนเวียนอากาศแบบอัตโนมัติ ลูกค้าสามารถติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเซนเซอร์ตรวจจับความหนาแน่นของฝุ่นละอองในอากาศ และส่งผ่านไปยังแผ่นกรองละเอียดเป็นจำนวนหลายครั้งตามความจำเป็น ยิ่งไปกว่านั้นระบบฟอกอากาศ ioniser ยังสามารถกำจัดเชื้อโรคต่างๆ รวมทั้งมลภาวะที่ปนเปื้อนออกจากอากาศ ลดผลกระทบต่อผู้โดยสารที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ได้อีกด้วย

ผู้ขับสามารถใช้งานฟังก์ชั่นช่วยเหลือการขับขี่อันหลากหลาย ซึ่งครอบคลุมไปถึงระบบจำกัดความเร็วอัตโนมัติ active speed limiter, ระบบควบคุมพวงมาลัย swerve assist และระบบช่วยเหลือขณะเข้าโค้ง cornering assist ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ adaptive cruise control นั่นหมายความว่าปอร์เช่ คาเยนน์ ใหม่ คือยนตรกรรมสปอร์ต SUV ที่มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้รอดพ้นจากสถานการณ์คับขันได้อย่างดี ไม่ว่าจะในขณะขับรถท่ามกลางสภาพจราจรติดขัดบนมอเตอร์เวย์ หรือบนถนนเส้นหลัก

ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ ควบคู่กับความสะดวกสบาย

ปอร์เช่ ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงานให้กับ คาเยนน์ ด้วยช่วงล่าง Adaptive air suspension มาพร้อมระบบควบคุมการทำงานของช่วงล่าง Porsche Active Suspension Management (PASM)  ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นด้วยระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติใหม่ล่าสุด เทคโนโลยี 2-chamber และ 2-valve เปิดประสบการณ์การเดินทางด้วยช่วงล่างที่นุ่มนวล ให้ความเสถียรสูงสุดทั้งการขับขี่บนเส้นทาง on-road และ off-road  เมื่อเปรียบเทียบกับระบบช่วงล่างมาตรฐาน และระบบช่วงล่างของรุ่นก่อนหน้า ในขณะเดียวกัน ระบบช่วงล่างถุงลมแบบปรับระดับอัตโนมัติ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การบังคับควบคุมที่แม่นยำ รวมทั้งลดอาการโคลงตัวในระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสังเกตได้ถึงความแตกต่างของการขับขี่ระหว่างโหมดการทำงาน Normal, Sport และ Sport Plus driving

เครื่องยนต์ Hybrid ทรงพลังยิ่งขึ้น พร้อมขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าระยะทางสูงสุดถึง 90 กิโลเมตร

ในทวีปยุโรป ปอร์เช่ คาเยนน์ ใหม่ เปิดตัวครั้งแรกด้วยทางเลือกขุมพลังเครื่องยนต์แตกต่างกัน 3 รูปแบบ เริ่มจากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาดความจุ 4 ลิตร สำหรับติดตั้งลงใน คาเยนน์ เอส (Cayenne S) ซึ่งปอร์เช่พัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนเครื่องยนต์ V6 ในรุ่นก่อนหน้า ให้พละกำลังสูงสุด 474 แรงม้า (349 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร กำลังเพิ่มขึ้นถึง 34 แรงม้า (25 กิโลวัตต์) และแรงบิดเพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร จากรุ่นก่อนหน้า  อัตราเร่งจากเครื่องยนต์ดังกล่าวทั้งในรุ่นตัวถังปกติ และตัวถังคูเป้ (Coupé) จากจุดหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ภายใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุดกว่า 273 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในส่วนของรุ่นเริ่มต้นของปอร์เช่ คาเยนน์ ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาดความจุ 3 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 353 แรงม้า (260 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร หรือกำลังเพิ่มขึ้น 13 แรงม้า (10 กิโลวัตต์) และแรงบิดเพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร จากรุ่นก่อนหน้า

เครื่องยนต์ 6 สูบดังกล่าว ยังถูกนำมาประจำการเป็นขุมพลังในรุ่น คาเยนน์ อี ไฮบริด เมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ ซึ่งให้พละกำลังเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 30 กิโลวัตต์ เป็น 130 กิโลวัตต์ (176 แรงม้า) ส่งผลให้พละกำลังที่ได้จากทั้ง 2 ระบบอยู่ที่ 470 แรงม้า (346 กิโลวัตต์) ติดตั้งแบตเตอรี่ high-voltage ความจุพลังงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 17.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ถึง  25.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยขึ้นอยู่กับระดับของอุปกรณ์ สามารถเดินทางด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเป็นระยะทางสูงสุดถึง 90 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ระบบ on-board charger ใหม่ล่าสุดขนาด 11 กิโลวัตต์ ช่วยลดระยะเวลาการชาร์จพลังงานให้สั้นลงภายในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง 30 นาที เมื่อใช้กำลังไฟที่เหมาะสม ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่าเดิมก็ตาม ในระหว่างการขับขี่ด้วย e-hybrid driving modes จะช่วยให้รถยนต์ทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับนอกภูมิภาคยุโรป รุ่น เทอร์โบ จีที (Turbo GT) ได้รับการกำหนดให้เป็นเวอร์ชั่นที่มีสมรรถนะสูงสุดสำหรับการขับขี่แบบ on-road รวมทั้งรับหน้าที่เป็นรุ่นเรือธงในเกือบทุกตลาดที่มีการจำหน่ายปอร์เช่ คาเยนน์ โดยสามารถเลือกตัวถังแบบคูเป้ (coupé) และอุปกรณ์นวัตกรรมเทคโนโลยีประจำรุ่นได้ทั้งหมด นอกจากนี้ด้วยพละกำลังมหาศาลที่เพิ่มขึ้น 19 แรงม้า (14 กิโลวัตต์) รวมเป็น 659 แรงม้า (485 กิโลวัตต์) จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาดความจุ 4 ลิตร ส่งผลให้ปอร์เช่ คาเยนน์ เทอร์โบ จีที (Cayenne Turbo GT) มีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.3 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดกว่า 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เพิ่มเติมอุปกรณ์มาตรฐานเต็มพิกัด พร้อมเปิดรับจองด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 6.5 ล้านบาท

ปอร์เช่ คาเยนน์ ใหม่ ได้รับการเพิ่มเติมรายการอุปกรณ์มาตรฐานมากมาย ซึ่งรวมถึงระบบไฟหน้า Matrix LED ระบบควบคุมการทำงานของช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ Porsche Active Suspension Management, ล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว, ระบบช่วยเหลือขณะจอด Park Assist ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง รวมทั้งกล้อง Surround View  ปอร์เช่วางจำหน่าย คาเยนน์ ใหม่ ด้วยราคาเริ่มต้น 7.95 ล้านบาท (รุ่นตัวถัง คูเป้ (Coupé) ราคาเริ่มต้น 8.25 ล้านบาท) รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะตลาดในแต่ละภูมิภาค สำหรับ คาเยนน์ อี ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) ราคาเริ่มต้น 6.59 ล้านบาท (รุ่นตัวถัง คูเป้ (Coupé) ราคาเริ่มต้น 6.89 ล้านบาท) และ คาเยนน์ เอส (Cayenne S) ราคาเริ่มต้น 10.5 ล้านบาท (รุ่นตัวถัง คูเป้ (Coupé) ราคาเริ่มต้น 10.8 ล้านบาท) ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ เปิดรับจองแล้ววันนี้และจะเริ่มทยอยส่งมอบในทวีปยุโรปช่วงเดือน กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป สำหรับตลาดในประเทศไทยจะเริ่มส่งมอบในช่วงเดือน ตุลาคมนี้

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่PorscheNewsroom: https://newsroom.porsche.com/en.html

 

Extensive further development of the successful SUV

More luxury, more performance: Porsche presents the new Cayenne

Porsche has fundamentally overhauled the third generation of the Cayenne with comprehensive changes to the powertrain, chassis, design and equipment. This has further extended not only on-road and off-road performance, but also luxurious everyday comfort.

 

  • A comprehensive upgrade
  • Porsche Driver Experience: new control concept and digital cockpit
  • Expressive exterior design with radical changes
  • Innovative HD Matrix LED Headlights
  • Optimised chassis with new 2-valve suspension
  • More power in all engine variants

 

Stuttgart. Porsche has thoroughly refined its successful luxury SUV. The new Cayenne debuts with a highly digitalised display and control concept, new chassis technology and innovative high-tech features. “It’s one of the most extensive product upgrades in the history of Porsche,” says Michael Schätzle, Vice President Product Line Cayenne. High-definition HD Matrix LED Headlights provide road illumination tailored to every driving situation, an air quality system filters pollutants from the air in the interior, and for the first time in the Cayenne, front passengers have their own infotainment display. With its extensively upgraded design and more powerful engine range, the Cayenne emphasises its claim to be the sportiest car in its segment.

Digitised and driver-focussed: Porsche Driver Experience

Porsche has integrated a completely revised display and control concept into the new Cayenne. The new Porsche Driver Experience, first introduced in the Porsche Taycan, focuses on the driver’s axis and optimises operation. Functions that the driver uses frequently are located directly on or immediately next to the steering wheel. For example, the lever located on the left behind the steering wheel now has additional functions for operating the driver assistance systems. The automatic transmission selector lever in the new Cayenne is now on the dashboard. This makes room on the new centre console for storage compartments and a large air conditioning controller in an elegant black panel design. Large, easily accessible controls combined with mechanical air conditioning switches and a haptic volume controller ensure optimum operability and a refined look. A key feature of the new Porsche Driver Experience is the right balance between digital and analogue elements.

 

For the first time, the redesigned cockpit of the Cayenne includes a fully digital 12.6-inch instrument cluster with a so-called curved and free-standing design and variable display options. An optimised head-up display is available as an option. The standard 12.3-inch central Porsche Communication Management (PCM) display integrates harmoniously into the new dashboard and provides access to all the relevant vehicle functions. A 10.9-inch display is now available for the first time for the passenger side. This enriches the front passenger’s driving experience by displaying performance data, providing separate access to the infotainment system controls, depending on the market. A special foil ensures that the driver cannot see this display.

Refined design, innovative lighting technology

The new Cayenne now has a particularly expressive appearance. A new front end combined with more strongly arched wings, a new bonnet and technically appealing headlights emphasises the vehicle’s width. Three-dimensionally designed tail lights, uncluttered surfaces beneath and a new rear apron with integrated number plate holder characterise the rear end design of the new Cayenne. An expanded colour palette with three new colours, lightweight sports packages saving up to 33 kilograms for the Cayenne Coupé, and a new extensive range of 20, 21, and 22-inch wheels make it possible to individually and dynamically configure the new Cayenne.

 

Matrix LED Headlights are now standard in the new Cayenne. HD Matrix LED Headlights are a new optional feature. With two high-definition modules and more than 32,000 pixels per headlamp, their innovative technology picks out other users and blocks out the light of the high beam to them with pixel accuracy so as not to dazzle them. The brightness of the modules can be regulated in more than 1,000 steps depending on the driving situation. Customised light modes increase safety and comfort in different driving situations.

Porsche has also introduced an air quality system in the new Cayenne. As standard, the vehicle uses predictive navigation data to detect approaching tunnel entrances and automatically activates air recirculation. Optionally, a sensor detects the level of fine dust particles in the air and passes it through the fine dust filter multiple times if necessary. Furthermore, an ioniser removes many germs and pollutants from the air, which is particularly beneficial for allergy sufferers.

In addition, customers can use a comprehensive range of new and optimised assistance systems. These include the active speed limiter and the swerve assist and the cornering assist as part of the adaptive cruise control. This means that the new Cayenne is even better at helping its driver in dangerous situations as well as in traffic jams on motorways and main roads.

Increased range between ride comfort and performance

Porsche now equips the Cayenne at the factory with adaptive air suspension including Porsche Active Suspension Management (PASM). The driving experience can be additionally enhanced with the new adaptive air suspension with 2-chamber, 2-valve technology. This improves the driving experience with a soft suspension characteristic, stabilises the vehicle and simplifies on-road and off-road handling – compared to both the standard suspension and the predecessor model. At the same time, the adaptive air suspension improves driving precision and performance, and reduces body movements in dynamic driving situations. The suspension also offers an even sharper differentiation between Normal, Sport and Sport Plus driving modes.

Hybrid model with more power and up to 90 kilometres electric range

In Europe, the new Cayenne debuts with three different engine versions. An extensive refinement of the four-litre V8 biturbo engine developed by Porsche replaces the previous V6 engine in the new Cayenne S. With a maximum output of 349 KW (474 PS) and a torque of 600 Nm – 25 kW (34 PS) and 50 Nm more than its predecessor – it accelerates both the SUV and the SUV Coupé to 100 km/h in 4.7 seconds. The top speed is 273 km/h. The entry into the world of the Cayenne comes with an optimised three-litre V6 turbo engine. It now generates 260 kW (353 PS) and 500 Nm, which is 10 kW (13 PS) and 50 Nm more than before.

The six-cylinder engine also forms the basis for the powertrain of the Cayenne E-Hybrid. In combination with a new electric motor that has been improved by 30 kW to 130 kW (176 PS), the combined output increases to 346 kW (470 PS). Equipped with a high-voltage battery with a capacity increased from 17.9 kWh to 25.9 kWh, depending on the equipment level, a purely electric range according to the WLTP of up to 90 kilometres is now possible. A new 11 kW on-board charger now shortens the charging time at an appropriate power source to less than two and a half hours despite the increased battery capacity. During the trip, the optimised e-hybrid driving modes increase the efficiency of the vehicle.

 

Outside the EU, the Turbo GT designed for maximum on-road performance is still the top model in the Cayenne range in most Porsche markets. It is available exclusively as a coupé and benefits from all the optimisations and innovations of the model series. In addition, the output of the four-litre V8 biturbo engine of the Turbo GT has been increased by 14 kW (19 PS) to 485 kW (659 PS). The Cayenne Turbo GT accelerates from zero to 100 km/h in 3.3 seconds, with a top speed of 305 km/h.

Available with extended standard equipment at prices from 6.59 MB.

The standard equipment of the Cayenne has been significantly expanded to include Matrix LED Headlights, Porsche Active Suspension Management, 20-inch wheels, front and rear Park Assist including a surround view. Porsche is offering the new Cayenne at prices starting at 7.95 MB (Coupé from 8.25 MB.) including VAT and country-specific equipment. The Cayenne E-Hybrid starts at 6.59 MB (Coupé from 6.89MB) and the Cayenne S starts at 10.5 MB (Coupé from 10.8 MB). The new models are available to order now, with deliveries in Europe starting in July 2023. For Thai market, the new Cayenne will be delivered in October 2023.

รวมข่าวในหมวดเดียวกัน

ฮอนด้าคว้ารางวัล ‘แบรนด์ที่มีบริการหลังการขายยอดเยี่ยม’ จากงาน Thailand Car Of the Year 2024 สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ และตอกย้ำจุดแข็งด้านการบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานและครบวงจร พร้อมดูแลตลอดอายุการใช้งาน ผ่านเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ

Read More »

กระแสแรง! ฮอนด้า เปิดจำหน่าย ‘ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่’ พร้อมให้ลูกค้าเข้าถึงด้วยราคาพิเศษช่วงเปิดตัว เพียง 899,000 บาท พบกันที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่ 28 พ.ย. 67 และงาน Motor Expo ตั้งแต่ 29 พ.ย. 67 – 10 ธ.ค. 67

Read More »