CAR ALL STYLE
คาร์ออลสไตล์ ครบเครื่อง เรื่องรถ

ข่าวสารยานยนต์

มาสด้าเตรียมก้าวขึ้นสู่แบรนด์ที่มุ่งมั่นมัดใจลูกค้าทุกฟังก์ชั่น ชูกลยุทธ์ Retention Business Model สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ วันที่ 5 เมษายน 2566  มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ประกาศแนวทางธุรกิจเพื่อมุ่งมั่นสู่การเติบโตแบบยั่งยืน พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างเต็มกำลัง โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับการสร้างแบรนด์และบริการหลังการขาย ตามกลยุทธ์ Retention Business Model ตั้งเป้าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้าเลือก Top Customer Retention Brand และเป็นอันดับหนึ่งด้านการบริการ Top Service Retention เพื่อส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้กับลูกค้า สร้างความสำเร็จให้ผู้จำหน่าย และเติบโตอย่างยั่งยืนตลอดไป

ทางด้านประธานบริหารมาสด้า มร. ทาดาชิ มิอุระ ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งครบหนึ่งปีเต็ม กล่าวว่า มาสด้าขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างสูงที่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และสนับสนุนมาสด้าเป็นอย่างดี นับตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา มาสด้ากำหนดแนวทางในดำเนินธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้โมเดลธุรกิจ Retention Business Model สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุก Touchpoints ส่งมอบการบริการที่เป็นเลิศแบบครบวงจร ตั้งแต่ก่อนการขายจนถึงการบริการหลังการขาย ให้ความสำคัญสูงสุดกับการสร้างคุณค่าแบรนด์และสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว นับเป็นนโยบายสำคัญที่มาสด้ายึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ และส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศไทยและทั่วโลก โดยในปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าและแฟนมาสด้า รวมถึงผู้จำหน่ายด้วยเช่นกัน

สำหรับปีงบประมาณ 2565 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่ามาสด้าประสบความสำเร็จจากการนำ Rentention Business Model มาใช้ โดยเฉพาะในด้านของการกลับมาเข้ารับบริการของลูกค้า (Service Retention) ที่เพิ่มขึ้นจาก 72% ในปีงบประมาณ 2561 เป็น 85% ในปีงบประมาณ 2565 พร้อมกับมีอัตราการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า (Repurchase) เพิ่มสูงขึ้นจาก 15% ในปีงบประมาณ 2561 เป็น 30% ในปีงบประมาณ 2565 หรือเพิ่มขึ้น 100% ซึ่งเป็นไปตามแผนที่มาสด้าวางไว้ นอกจากนั้น การแผนการพัฒนาธุรกิจรถมือสองคุณภาพดี Mazda CPO ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ส่งผลให้ราคารถยนต์มือสอง (Residual Value) มีราคาขายต่อสูงขึ้น เช่น มาสด้า2 อายุ 6 ปี มีมูลค่าการขายต่อเพิ่มขึ้นเป็น 55%

มร. ทาดาชิ มิอุระ แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีงบประมาณ 2566 ว่า “ภาพรวมปี 2566 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากปี 2565  คาดว่าตัวเลข GDP จะโตอยู่ในช่วง 3.3%-3.7% ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวด้านการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชน การฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ภาคการเกษตรและการส่งออก ทำให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์จะเติบโตขึ้นเล็กน้อยประมาณ 5% คาดว่ายอดรวมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 900,000 คัน ในขณะที่มาสด้าได้ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 3.5% เนื่องจากจะมีรถยนต์รุ่นใหม่เข้ามาเสริมทัพ”

อีกหนึ่งความสำเร็จ คือ รถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาจนได้รถยนต์ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงความสนุกสนานในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมแนวทางการออกแบบ KODO-Soul of Motion ในการสร้างความโดดเด่นให้กับตัวรถ โดยมาสด้าเริ่มจำหน่ายรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟรุ่นแรกในประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2556 และประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น จนถึงปัจจุบันอยู่ในการครอบครองของลูกค้าแล้วมากกว่า 360,000 คัน โดยมาสด้า2 ยังคงครองความนิยมในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ด้วยจำนวน 224,000 คัน มาสด้า3 จำนวน 42,000 คัน ครอสโอเวอร์เอสยูวี มาสด้า CX-3 จำนวน 30,000 คัน มาสด้า CX-30 จำนวน 20,000 คัน มาสด้า CX-5 จำนวน 35,000 คัน มาสด้า CX-8 จำนวน 6,000 คัน รถสปอร์ตโรดสเตอร์เปิดประทุน มาสด้า MX-5 จำนวน 150 คัน และรถปิกอัพต้นแบบแห่งความสง่างาม มาสด้า BT-50 อีกจำนวน 3,000 คัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2566 มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจ Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ประกาศไปเมื่อปีที่แล้ว แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention ต้องเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือก คือ Top Retention Brand ให้บริการที่ลูกค้าพึงพอใจ Top Service Retention รวมถึงรักษาส่วนแบ่งการตลาดในแต่ละพื้นที่ Maintain Market Share นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา แต่ครอบคลุมรอบด้านมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เรามุ่งมั่นเพื่อเดินหน้าตามแผนงานระยะกลาง Mid-Term Management Plan ให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าแบรนด์ (Brand Value Management) ก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

นี่คือ แนวทางในการสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าแทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจ และเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

มาสด้าร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีกับเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย หลังจากประชุมผู้จำหน่ายทั่วประเทศประจำปีงบประมาณ 2566 Mazda Dealer National Conference ด้วยการประกาศแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อมุ่งมั่นสู่การเติบโตแบบยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Together Toward Tomorrow ก้าวสู่ความสำเร็จไปด้วยกันในทุกภาคส่วน พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ให้ดีที่สุด โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับการสร้างแบรนด์และบริการหลังการขาย ตามกลยุทธ์ Retention Business Model ตั้งเป้าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้าเลือกทั้งด้านการขายและการบริการ เพื่อส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้กับลูกค้าทุกคน สร้างความสำเร็จให้ผู้จำหน่ายเติบโตอย่างยั่งยืนตลอดไป

และในช่วงบ่ายวันเดียวกัน มาสด้าได้จัดงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อประกาศความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจประจำปีงบประมาณ 2565 พร้อมกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจประปีงบประมาณ 2566 ภายใต้การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน Mazda Brand Value Management โดยมุ่งมั่นส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าตลอดเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า

นอกจากนี้ มาสด้ายังได้ร่วมสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่ประจักษ์ต่อชาวไทยและชาวต่างชาติ นำโดย มร. ฮิโรโนริ ทานากะ ผู้บริหารระดับสูงจาก มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ที่กำกับดูแลธุรกิจมาสด้าในภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งประเทศไทย ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศญี่ปุ่น  เพื่อร่วมงานการประชุมผู้จำหน่ายมาสด้าประจำปีงบประมาณใหม่ และร่วมกิจกรรมกับสื่อมวลชนไทย พร้อมด้วยประธานบริหาร มาสด้า มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย มร. ทาดาชิ มิอุระ และเข้ามาดำรงตำแหน่งสูงสุดครบหนึ่งปีเต็ม ที่ได้สัมผัสและซึมซับวัฒนธรรมไทยมาพอสมควร พร้อมด้วยรองประธานกรรมการบริหาร มร. คาซูทากะ โมริ รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงที่เป็นคนไทย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส เป็นตัวแทนในการถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยให้ผู้บริหารญี่ได้เข้าถึงแก่นแท้แห่งอารยธรรม โดยเฉพาะสื่อมวลชนกิติมศักดิ์ อาทิ ดร. ปราจิน เอี่ยมลำเนา, นายจรวย ขันมณี, นาขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ และนายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ซึ่งถือเป็นเสาหลักของวงการรถยนต์และเป็นที่เคารพนับถือของสื่อมวลชนมายาวนาน ให้เกียรติเข้าร่วมพิธีรดน้ำดำหัว ให้พรเพื่อความเป็นศิริมงคล ให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป ในเทศกาลสงกรานต์

ทั้งนี้ทางมาสด้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทุกคน เพื่อให้มาสด้ากลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกกลับมาซื้อ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วยรถยนต์มาสด้าตลอดจนส่งมอบความสุขและประสบการณ์ความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้าทุกคน

Mazda sets its goal to be Top Customer Retention Brand with Retention Business Model and aims for sustainable growth

Bangkok, Thailand – April 5, 2023 – Mazda Sales Thailand announces its business direction for the sustainable growth, aims to enhance customer experience with brand value management and aftersales services which in line with the Retention Business Model approach. It also sets the target to be top customer retention brand and top service retention in Thailand to deliver smile and happiness to customers and lead business to the sustainable growth.

The President of Mazda Sales (Thailand) Co., Ltd., Mr. Tadashi Miura said, “We would like to show our appreciation to Thai customers for trusting Mazda product and for the support. Since 2022, Mazda has set the new business direction to drive business for sustainable growth with Retention Business Model with an aim to deliver best customer experience in every touchpoints and provide excellent services from pre-orders to aftersales service. Our top priority is to enhance brand value and create long-term customer engagement, which is the important policy that Mazda adheres to as a guideline in both Thailand and worldwide. From the approach, Mazda succeeded last year and received good feedback from customers, Mazda fans as well as dealers.”

For the last fiscal year 2022, it can be said that Mazda has successfully implemented the Rentention Business Model, especially in terms of service retention, which has increased from 72% in FY2018 to 85% in FY2022 with the repurchase rate increasing from 15% in FY2018 to 30% in FY2022 or increasing 100%, which is in line with Mazda’s plan. Mazda CPO good quality used car business, is going well. Residual value of used cars has been increasing. For example, resale price of 6-year-old Mazda2 has increased to around 55%.

Mr. Tadashi Miura reveals about this vision toward the Thai automotive industry in the FY2023 that the overall Thai economy in 2023 is expected to grow from the FY2022, with GDP growth expected to be in the range of 3.5%-3.7%, benefiting from the expansion of private consumption, economic recovery, tourism, agriculture and exports. All of these factors cause more spending and drive the economy. However, it is expected that the overall automotive industry will grow slightly about 5% and the total industry is expected to be about 900,000 units, while Mazda has set market share of 3.5% and we will add new models to the lineup.”

Another achievement of Mazda is the development of SKYACTIV vehicle that offers fuel efficiency, delivers fun-to-drive experience and it is environmentally friendly. Along with using the KODO design Soul of Motion approach to make the car outstanding. Mazda started selling the first SKYACTIV technology vehicle in Thailand in November 2013 and it was highly success. To present, there are over 360,000 units of Mazda vehicles in the possession of customers. It can be separated into 224,000 units of Mazda2, which is the most popular model in the small passenger car market, 42,000 units of Mazda3, 30,000 units of Mazda CX-3, 20,000 units of Mazda CX-30, 35,000 units of Mazda CX-5, 6,000 units of Mazda CX-8, 150 units of the convertible sports roadster Mazda MX-5 and another 3,000 units of Mazda BT-50 pickup truck.

Mr. Thee Permpongpanth, Senior Vice President of Mazda Sales (Thailand) Co., Ltd, said, “In the 2023, Mazda will continue to pursue Retention Business Model, the new strategy announced last year. However, we will add new goals that are even more challenging in order to be the Top Customer Retention brand. We would like to be the brand that customers choose and being the top brand that creates customer satisfaction, while still maintaining our market share in each region as well as presenting brand value through customers’ experiences and satisfaction. This is our commitment that is in line with the Mid-Term Management Plan, focusing on enhancing brand value (Brand Value Management) for sustainable growth.”

All mentioned above is the direction that strengthens Mazda brand to achieve the target and become top of customer retention and top of service retention brand. Mazda promises that we will be the brand that offers customers’ happiness to thanks them for trusting and choosing Mazda cars to deliver fun-to-drive experience throughout the journey.

 

รวมข่าวในหมวดเดียวกัน