มาเซราติกลับมาอีกครั้ง ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นและเร้าใจของรถแข่งรุ่น GT2 เป็นครั้งแรก ณ สนามแข่ง Autodromo Varano de’ Melegari ซึ่งนับว่าเป็นการกลับลงสนามแข่งอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งของ มาเซราติ ทั้งนี้ การทดสอบรถในสนามแข่ง Parma Circuit ที่ผ่านมา ถือเป็นการชิมลางเพื่อเตรียมพร้อมก่อนการเปิดตัวรถอย่างเป็นทางการ ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ ณ ประเทศเบลเยียม ภายในงาน 24 Hours of Spa
มาเซราติพร้อมปลุกความเร้าใจจากรายการแข่งขัน GT Championships ด้วยสุดยอดรถแข่ง MC12 ที่ออกแบบมาเพื่อปลุกพลังของนักแข่งรถเพื่อการคว้าชัยชนะ โดยชื่อเสียงของ มาเซราติ ในวงการมอเตอร์สปอร์ตที่ผ่านมา ล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวความสำเร็จที่ถูกเล่าขานมาอย่างยาวนานเกือบศตวรรษ ทั้งความโดดเด่น และ DNA อันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งพลังความมุ่งมั่นที่ถูกปลุกขึ้นมาใหม่ โดยการเชื่อมโยงของแบรนด์จากอดีต สู่การขับเคลื่อนไปยังอนาคต ซึ่งการแข่งขันก็ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการขับเคลื่อนที่สำคัญ
รถแข่งมาเซราติรุ่น GT2 ครบครันด้วยความเร็ว ความสง่างาม และสไตล์ที่โดดเด่น โดยรถรุ่นนี้คือผลงานการออกแบบระดับมาสเตอร์พีซในด้านสมรรถนะ ที่สุดแห่งคุณภาพความเหนือระดับของการยึดติดขอบถนนที่ถูกสร้างสรรค์มาเพื่อเฉลิมฉลองการกลับลงสู่สนามแข่งอีกครั้งของมาเซราติ พร้อมกับการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2022 ด้วยการประกาศเข้าร่วมรายการ ABB FIA Formula E World Championship 2023 และเข้าร่วมรายการ GT2 European Series ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อนำแบรนด์ตรีศูลกลับเข้าสู่เส้นทางการแข่งขัน
สำหรับรถแข่งรุ่น GT2 เป็นผลงานการริเริ่มและออกแบบร่วมกันระหว่างทีมวิศวกรรมจากมาเซราติใน Tandem และทีม Centro Stile Maserati ถือเป็นการการันตีคุณภาพด้านสุนทรียภาพที่ได้มาตรฐานตามแบบฉบับของมาเซราติ ซึ่งรถแข่งรุ่น GT2 นี้ได้สืบทอดเครื่องยนต์อันไร้เทียมทานอย่าง Nettuno V6 ขนาด 463kW/630CV จากรถแข่งรุ่น MC20 โดยได้มีการยกระดับขึ้นอีกขั้น
ส่วนประกอบด้านเทคนิคอันน่าสนใจของรถแข่งรุ่น GT2 ประกอบด้วย เทคโนโลยี MTC (Maserati Twin Combustion) ใหม่ล่าสุดที่ผ่านการรับรองการใช้งานกับเครื่องยนต์ในรถแข่ง F1 ผสานเข้ากับสุดยอดโซลูชั่น Carbon Fibre Central Monocoque วัสดุที่เน้นให้รถมีน้ำหนักเบา รวมถึงองค์ประกอบด้านนอกของตัวรถที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งประกอบไปด้วย Aerodynamic ที่จะถูกนำมาใช้จนถึงขีดจำกัดของความสามารถ เพื่อปรับปรุงการรับน้ำหนักในแนวดิ่ง ในขณะที่ยังสามารถมอบประสิทธิภาพการวิ่งได้อย่างสูงสุด ทีมงานยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสมดุลในการรับน้ำหนักตามหลักอากาศพลศาสตร์ได้อย่างเหมาะสม พร้อมช่วงล่างที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อทำงานได้ดีที่สุดกับสปลิทเตอร์หน้าและเรียวิงหลังที่สามารถปรับได้ และตัวถังที่สามารถถอดออกได้อย่างรวดเร็วเพื่อปรับเปลี่ยนส่วนประกอบต่างๆ เช่น แชสซีที่มีความแข็งแรงสูงและบิดงอได้ง่าย
นอกจากนี้ ยังมีระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ และส่วนประกอบของระบบกันสะเทือนทั้งหมดออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการแข่งขัน เช่น โช้คอัพและเหล็กกันโคลงที่สามารถปรับได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เช่นเดียวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชุดเกียร์ซีเควนเชียล 6 สปีด พวงมาลัยที่สามารถควบคุมเกียร์ไฟฟ้าผ่าน Paddle Shift จะกระตุ้นให้อะดรีนาลีนของนักแข่งให้พลุ่งพล่าน
คาร์บอนไฟเบอร์และหน้าจอแสดงผลขนาด 10 นิ้วที่ถูกผสานเข้ากับแดชบอร์ด ทำให้ห้องโดยสารมีความล้ำสมัย ใช้งานง่าย และเสริมด้วยการตกแต่งลายพิเศษ Maserati Corse บนตัวถังสีน้ำเงิน (Blu Infinito) เพื่อให้รถแข่งมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
มาเซราติ GT2 โดดเด่นในด้านเทคโนโลยีด้านวิศวกรรม สะท้อนความเป็นผู้นำโซลูชันทางเทคนิคและนวัตกรรมอย่างลงตัว ด้วยดีไซน์ภายในห้องโดยสารที่ผสมผสานความล้ำสมัย มินิมอล และรูปลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงทรวดทรงของรถอย่างชัดเจน นี่คือรถที่ถูกรังสรรค์มาเพื่อทีมงานและสุภาพบุรุษนักขับรถแข่งที่ตั้งใจจะเข้าร่วมแข่งขันในรายการ GT2 Championships
รถที่นั่งเดี่ยวมาพร้อมฝาครอบล้อลายตรีศูล คือผลพวงจากการทำงานร่วมกันของทีมงานมาเซราติทั้งชายและหญิง ผสานดีไซน์และสไตล์แบบอาวองการ์ดที่สะท้อนเอกลักษณ์ด้านการรังสรรค์ของแบรนด์อิตาลีเสมอมา ยกระดับด้วยความหรูหราและความโดดเด่นที่สะดุดทุกสายตาแม้จะอยู่ในสนามแข่งรถ มาเซราติ GT2 คือสุดยอดรถแข่งที่พร้อมออกไปท้าทายและคว้าชัยชนะจากทุกสนามแข่งขัน เพื่อยินยันความสำเร็จของ มาเซราติ ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต
Andrea Bertolini นักทดสอบรถแข่งจากมาเซราติกล่าวว่า “สองถึงสามวันแรกมักจะมีความพิเศษเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับผมถือว่าโชคดีเป็นอย่างมากเมื่อสามารถนำมาเซราติไปสู่ความสำเร็จจนได้รับรางวัลถึง 4 รายการในการแข่งขัน GT1 World Championship และตอนนี้เรากำลังจะกลับเข้าสู่เส้นทางการแข่งขันอีกครั้งด้วยรถแข่งสุดมหัศจรรย์ เราได้ทดสอบการวิ่งอยู่หลายครั้งและผลตอบรับในช่วงแรกถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี การได้กลับมานั่งหลังพวงมาลัยของรถแข่ง GT อีกครั้งนั้น ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง และผมยังเห็นถึงความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจจากทุกคนที่ทำงานร่วมกัน เรามุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงอยู่เหนือคู่แข่งเท่านั้น แต่เราตั้งใจที่จะสร้างรถแข่งในอุดมคติสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน ในเชิงของการควบคุม ความสะดวกสบาย และสมรรถนะ ทั้งนี้ เราต้องการให้พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครกับรถแข่งที่มีความเป็นเอกลักษณ์คันนี้ ซึ่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราทำงานอย่างหนักกับรถแข่งจำลอง เพราะต้องอาศัยความมุ่งมั่นของทีมงานที่ยอดเยี่ยม ผมจึงอยากขอบคุณพวกเขาโดยเฉพาะเรื่องของการติดตามผลในช่วงวันแรกๆ ที่เรากำลังทำให้ทุกอย่างเป็นจริงและยิ่งใหญ่มากที่สุด และเรายังมีวันทดสอบที่เข้มข้นรออยู่ข้างหน้าอีกหลายวันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลงสู่สนามแข่งขันอีกครั้ง”
เกี่ยวกับ มาเซราติ เอส.พี.เอ.
มาเซราติ คือ ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยสไตล์, เทคโนโลยีล้ำสมัย และตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร สะท้อนความเฉลียวฉลาด รสนิยมอันลุ่มลึก สะท้อนมาตรฐานแห่งการเป็นยนตรกรรมระดับโลก และด้วยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ในแต่ละเซกเมนต์ มาเซราติ ได้กำหนดนิยามใหม่ ให้กับรถสปอร์ตของอิตาลี ในแง่ของการออกแบบ, ประสิทธิภาพ, ความสะดวกสบาย, ความสง่างาม และความปลอดภัย ปัจจุบันมีจำหน่ายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) นับเป็นยนตรกรรมเรือธงของค่ายตรีศูล สมทบด้วยรุ่นกิบลี่ (Ghibli), เลอวานเต้ (Levante) เอสยูวีรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และ เกรคาเล่ (Grecale) ซึ่งเป็นเอสยูวีที่มาพร้อมแนวคิด ‘Everyday Exceptional’ ทุกรุ่นต่างโดดเด่นด้วยการใช้วัสดุที่มีคุณภาพชั้นสูง และการออกแบบทางเทคนิคอันยอดเยี่ยม มาเซราติ กิบลี่, เลอวานเต้ และเกรคาเล่ มีหลายทางเลือกขุมพลัง อาทิ เบนซินไฮบริด 4 สูบ, เบนซิน วี 6 สูบ ไปจนถึงเบนซิน วี 8 สูบ ทั้งในแบบขับเคลื่อนล้อหลังหรือขับเคลิ่อน 4 ล้อ โดยมาพร้อมดีเอ็นเออันเป็นเอกลักษณ์ของยนตรกรรมค่ายตรีศูล ขณะที่รุ่นสูงสุด คือ ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ เอ็มซี 20 (MC20) และ เอ็มซี20 แชร์โล (Cielo) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เน็ททูโน (Nettuno) ที่ได้นำเทคโนโลยีจากรถแข่งฟอร์มูลาวัน มาใช้กับยนตรกรรมในสายการผลิตเป็นครั้งแรก มาเซราติ กรันทูริสโม โฉมใหม่ มีจำหน่ายทั้งรูปแบบเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูง และแบบไฟฟ้าล้วน เพื่อพัฒนายนตรกรรมค่ายตรีศูลไปสู่อนาคต โดยมี มาเซราติ โฟลกอเร เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมตั้งเป้าในปี 2025 รถยนต์ มาเซราติ ทุกสายพันธุ์จะมีรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นทางเลือก และ มาเซราติ ทุกรุ่น จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2030