CAR ALL STYLE
คาร์ออลสไตล์ ครบเครื่อง เรื่องรถ

TESTDRIVE

ลองของ TOYOTA YARIS ATIV ออฟชั่นครบ จบที่ความคุ้มค่า!

ALL NEW YARIS ATIV 2022 รถยนต์ซีดานซับคอมแพ็คคาร์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้ปรัชญา People beloved car หรือ “รถยนต์ที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน” เป็นผลจากการศึกษาความต้องการของลูกค้าชาวไทยอย่างแท้จริงในทุกด้าน โดยเน้นที่ความคุ้มค่า ใช้งานสะดวกสบาย ง่ายต่อการเป็นเจ้าของ ในราคาที่จับต้องได้ โดยรถรุ่นนี้ประกอบที่โรงงานโตโยต้า เกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา นอกจากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยเป็นหลัก ยังส่งออกไปจำหน่ายกว่า 35 ประเทศทั่วโลก

แนวคิดหลักในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่จะเป็นที่ชื่นชอบของคนไทย (Beloved car) แบ่งเป็น 3 องค์ประกอบหลัก คือความภาคภูมิใจ (Proudful) ด้วยการออกแบบภายนอกสไตล์ท้ายลาดหรือ Fastback พร้อมการออกแบบภายในที่สะท้อนความหรูหรา ความสะดวกสบาย (Comfortable) ด้วยภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย (Affordable) ด้วยองค์ประกอบที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูง แต่มีระดับราคาที่คุ้มค่า

แนวทางการออกแบบของ YARIS ATIV ใหม่ คือ การออกแบบให้เป็นรถ Fastback ที่ดูทรงพลัง และสง่างาม โดยติดตั้งไฟเลี้ยวแบบ Sequential และไฟหน้าแบบ LED ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถยุโรป ในขณะเดียวกันภายในห้องโดยสารยังโดดเด่นด้วยขนาดที่กว้างขวาง และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ซุ้มล้อกว้าง และล้อยางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ยังยกระดับสมรรถนะพื้นฐานต่างๆ ครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และประสิทธิภาพในการควบคุมพวงมาลัย และติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นสูง รวมถึงการดีไซน์ภายในห้องโดยสารสะท้อนถึงความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของด้วยบรรยากาศแห่งความเรียบง่าย แต่หรูหราลงตัว ด้วยการใช้วัสดุที่ให้สัมผัสอันอ่อนนุ่มสบายมือ ติดตั้งอุปกรณ์ที่น่าสนใจทั้ง เบรคมือไฟฟ้า และหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ และยังตกแต่งด้วยสีไฟ Ambient light เพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารตามความต้องการ

ตัวถังสไตล์ Fastback โฉบเฉี่ยวด้วยหลังคาด้านท้ายลาดเอนมีเอกลักษณ์ พัฒนาขึ้นบนแพล็ทฟอร์มใหม่ที่มีน้ำหนักเบา ปัจจุบันเป็นที่นิยมในรถยุโรปหลายรุ่น นอกจากรูปทรงดูสวยงาม ปราดเปรียว หรูหราขึ้น และยังส่งผลให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำเพียงแค่ 0.284 มุมมองด้านหน้าของ YARIS ATIV ใหม่ ดูเฉียบคม เส้นสายสอดรับกันอย่างลงตัว ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าที่สั้น กระจังหน้าสีดำเงา กันชนหน้า และชุดไฟหน้า แบบ Full LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED และไฟส่องสว่างแบบ LED Light Guiding (ทุกรุ่นย่อย) พร้อมไฟท้ายแบบ Full LED Light-guiding ไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential และติดตั้งล้ออัลลอยดสี Two tone ขนาด 16 นิ้ว เหมือนกันทุกรุ่น ซึ่งการออกแบบรูปลักษณ์โดยรวมทางโตโยต้ามั่นใจว่าสามารถต่อยอดการตกแต่งได้หลากหลาย ครอบคลุมความชอบของลูกค้าที่ชื่นชอบการแต่งรถหลากหลายสไตล์

ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้ภาพลักษณ์ล้ำสมัย และยกระดับคุณภาพของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ด้วยการเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในที่มีคุณภาพ ดีไซน์เรียบหรู และเพิ่มความล้ำสมัยด้วยมีเบรคมือไฟฟ้า EPB รวมทั้งไฟ “Ambient light” สร้างบรรยากาศสะท้อนอารมณ์ในห้องโดยสาร สามารถปรับได้ถึง 64 เฉดสี รวมถึงการใช้แผงหน้าปัดแบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ โดยเฉพาะภายในตัวท๊อปเกรด Premium Luxury ที่เรานำมาทดลองขับยังได้รับการตกแต่งด้วยสีแดงทั้งบริเวณแผงแดชบอร์ด และเบาะหุ้มหนังโดดเด่นไม่เหมือนใคร

นอกจากนั้นยังเพียบพร้อมด้วยออฟชั่นอำนวยความสะดวก และระบบเสริมความปลอดภัย แบบจัดหนักจัดเต็ม ไล่ตั้งแต่ หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto , ระบบ T-Connect เป็นมาตรฐานทุกรุ่น , ลำโพง Pioneer Premium Speaker 6 ตำแหน่ง . ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ดีไซน์ปุ่มสะท้อนความพรีเมียม พร้อมระบบกรองฝุ่น PM 2.5 , ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง , ช่องต่ออุปกรณไฟฟ้า 12V บริเวณคอนโซลด้านหน้า , ช่องต่อ USB 4 ช่อง บริเวณคอนโซลกลางด้านล่าง และด้านหลังคอนโซลกลางสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง , พวงมาลัยหุ้มหนังนุ่มพิเศษตกแต่งด้วยด้ายสีเทา และแถบสีเงินเมทัลลิก , ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ , ระบบ Push Start และพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย พร้อมแผ่นกั้นและช่องเก็บของอเนกประสงค์

ส่วนอุปกรณ์ความปลอดภัยจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานทุกรุ่น เช่น Airbag 6 ตำแหน่ง ระบบ ABS / EBD / BA / VSC / TRC และที่น่าสนใจสุดๆ คือการติดตั้งเทคโนโลยี ความปลอดภัยยุคใหม่ Toyota Safety Sense ทั้ง ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS (Pre-Collision System) , ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ LDA (Lane Departure Alert) , ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (Front Departure Alert) , ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive cruise control แบบ All-Speed , ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (Pedal Misoperation Control) , ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam) รวมถึงระบบช่วยเตือนความปลอดภัยอื่นๆ เช่น ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกข้าง (Blind Spot Monitor), ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) , Panoramic View Monitor กล้องรอบคัน พร้อมสัญญาณกะระยะรอบคัน และเพิ่มความมั่นใจด้วยกล้องบันทึกภาพหน้ารถ ฯลฯ

 

การออกแบบต่างๆ ยังคำนึงถึงการใช้งานจริง สามารถตอบโจทย์ลูกค้าคนไทยในแบบที่ไม่มีใครทำได้มาก่อน เช่น ตำแหน่งที่วางแก้วน้ำ หรือแก้วกาแฟบริเวณมุมแผงแดชบอร์ดทั้งสองด้าน รับกับขนาดแก้วกาแฟของเมืองไทย, ติดตั้งกระจกแต่งหน้าขนาดใหญ่พิเศษ พร้อมไฟ LED สีขาว สำหรับเอาใจผู้หญิงในตำแหน่งคนขับ ทว่าน่าเสียดายที่ไม่มีให้ตำแหน่งคนนั่งโดยสารตอนหน้า

ด้านสมรรถนะการขับขี่ ALL NEW YARIS ATIV เน้นการพัฒนาให้เป็นรถยนต์คันแรกที่คนขับจะหลงรักเอาง่ายๆ เพราะขับสบาย ควบคุมง่าย ให้ความมั่นใจ และให้ความสะดวกเป็นผู้โดยสารก็นั่งสบาย เงียบ และนุ่มนวล ภายใต้แพลตฟอร์มและ เกียร์ CVT ใหม่ พร้อมกับการปรับจูนเครื่องยนต์ที่ส่งผลให้รถควบคุมได้กลมกล่อมขึ้น ทรงตัวดี และตอบสนองได้อย่างพอเพียงตั้งแต่ออกตัว และขับขี่ในเมืองได้ดีขึ้น พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาขึ้นในความเร็วต่ำ แต่ยังมั่นคงเมื่อใช้ความเร็วสูง 100 – 120 กม./ชม.

หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนยังคงใช้เครื่องยนต์ตามมาตรฐานอีโคคาร์ขนาดแท้ เช่นเดียวกับ YARIS ATIV รุ่นเดิม เป็นเครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-iE ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว วางขวางขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 94 แรงม้า (69 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร (11.2 กก.- เมตร) ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Sequential Shift และมีสวิตซ์ปรับโหมดการขับขี่บนพวงมาลัยได้ถึง 3 แบบ ECO / NORMAL /SPORT การันตีความประหยัดน้ำมันสูงสุดจากโรงงานถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ผ่านการรับรองมาตรฐานมลพิษ EURO 5

จากการทดลองขับใช้งานจริง เริ่มจากการขับขี่ในเมือง ช่วงการจราจรติดขัด จุดเด่นที่น่าสนใจมากคือความคล่องตัวในการขับขี่ จากรัศมีวงเลี้ยวที่แคบมาก สามารถลัดเลาะไปบนเส้นทางคับแคบได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าขนาดตัวถังจะดูใหญ่กว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาช่วงความเร็วต่ำ ทำให้การหักเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนคล่องตัวมาก ถือเป็นรถที่ขับง่ายเหมาะกับคนเมือง มุมมองด้านหน้าโปร่งโล่งมองเห็นได้ชัดเจนกว้างไกล แต่ฝากระโปรงหน้าจะค่อนข้างลาดเทมองไม่เห็นขอบก็ต้องกะระยะเอาเอง แต่ก็ปรับตัวไม่ยาก จังหวะการเร่งทั้งช่วงออกตัว หรือการเร่งแซงช่วงความเร็วต่ำทำได้ทันใจ และปลอดภัย

ต่อเนื่องด้วยการขับขี่ออกนอกเมืองทั้งบนไฮเวย์และเส้นทางย่อยระหว่างชุมชน อัตราเร่งตั้งแต่ 100 กม./ชม ขึ้นไปทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม มีกำลังให้ใช้อย่างต่อเนื่อง ความเร็วขึ้นมาแบบเนียนๆ ตามน้ำหนักที่เติมลงไปที่คันเร่ง แต่ก็ต้องรู้จักใช้คันเร่งอย่างเหมาะสมตามสไตล์เกียร์ CVT ที่มีอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง ไม่มีประโยชน์ที่จะกดลึกหรือหนักๆจนเกินไป โดยมีความเร็วสูงสุดรองรับการใช้งานไว้ถึง 180 กม./ชม. ขณะเดียวกันในเรื่องความประหยัดก็ยังผ่านเกณฑ์มาตรฐานอีโคคาร์แท้ๆ ช่วงขับขี่ในเมืองรถติด เคลื่อนตัวช้า สลับหยุดนิ่งค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12-15 กม./ลิตร และช่วงรถไม่ติดใช้ความเร็วต่ำอย่างต่อเนื่องประมาณ 50-80 กม./ชม ค่าความประหยัดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 18-20 กม./ลิตร และช่วงออกนอกเมืองใช้ความเร็วคงที่ตามกฎหมาย 80-100 กม./ชม. จะได้เห็นตัวเลขกว่า 20 กม./ลิตร แบบไม่ต้องลุ้น บางช่วงของการเดินทางแบบชิลๆ ทำได้เกือบ 20 กม./ลิตร ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคนด้วย

พื้นฐานของระบบกันสะเทือนเป็นไปตามสไตล์ซิตี้คาร์ ด้านหน้าอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง เมื่อขับผ่านพื้นถนนราบเรียบปกติก็ให้ความนุ่มนวล และทรงตัวได้ดี และเมื่อผ่านทางขรุขระก็ยังรู้สึกถึงการซับแรงกระแทกที่ดีไม่กระด้างเกินไป การเซ็ทอัพช่วงล่างของรถรุ่นนี้หนักแน่นลงตัว สำหรับการใช้งานที่หลากหลายรูปแบบในชีวิตประจำวัน และโตโยต้ายังเป็นเจ้าเดียวในคลาสที่ให้ดิสก์เบรก 4 ล้อ ช่วยให้การเบรก หรือชะลอความเร็วทำได้อย่างนุ่มนวล มั่นใจ และระยะเบรกสั้น แค่ลงน้ำหนักที่แป้นเบรคเบาๆ ก็เอาอยู่

ขณะเดียวกันการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร จะรู้สึกได้ชัดเจนว่าเงียบกว่ารุ่นเดิม จากการเพิ่มจุดเชื่อมตามตำแหน่งต่างๆ เพื่อลดเสียงรบกวนจากห้องเครื่องยนต์ ลดเสียงลมภายนอก และเสียงพื้นถนน โดยรวมต้องถือว่าสมรรถนะความแรง ความประหยัดน้ำมัน และความสะดวกสบายในการขับขี่ ดีกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจนในทุกมิติจริงๆ

 

ALL NEW TOYOTA YARIS ATIV 2022 วางทางเลือกทำตลาดหลากหลายรุ่น กับราคา และออฟชั่นที่คุ้มค่า

– PREMIUM LUXURY ราคา 689,000 บาท

– PREMIUM ราคา 659,000 บาท

– SMART ราคา 584,000 บาท

– SPORT ราคา 539,000 บาท